แบบฝึกหัด

1. ให้นักศึกษาเลือกอภิปรายคุณลักษณะของ search engine ของยาฮู กับ search engine ของกูเกิล มาอย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง search engine ทั้งสองมาโดยสังเขป (15 คะแนน)
– คุณลักษณะของ search engine ของยาฮู ถ้าแบ่ง search engine ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1 Crawler Based Search Engines
ประเภทที่ 2 Web Directory หรือ Blog Directory
ประเภทที่ 3 Meta Search Engine

YAHOO จะเป็น search engine ประเภทที่ 1 ครับ คือ
อาศัยการบันทึกข้อมูล และ จัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก
โดยมีองประกอบหลักเพียง 2 ส่วนด้วยกันคือ

1. ฐานข้อมูล โดยส่วนใหญ่แล้ว Crawler Based Search Engine เหล่านี้จะมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง ที่มีระบบการประมวลผล และ การจัดอันดับที่เฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างมาก

2. ซอฟแวร์ คือเครื่องมือหลักสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งสำหรับ Serch Engine ประเภทนี้ เนื่องจากต้องอาศัยโปรแกรมเล็ก ๆ (ชนิดที่เรียกว่า จิ๋วแต่แจ๋ว) ทำหน้าที่ในการตรวจหา และทำการจัดเก็บข้อมูล หน้าเพจ หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปแบบ ของการทำสำเนาข้อมูลเหมือนกับต้นฉบับทุกอย่าง ซึ่งเราจะรู้จักกันในนาม Spider หรือ Web Crawler หรือ Search Engine Robots

ตัวอย่างของ Crawler Based Search Engine ชื่อดัง ได้แก่ Google , Yahoo, MSN, Live, Search, Technorati (สำหรับ blog) ส่วนลักษณะการทำงาน และ การเก็บข้อมูงของ Web Crawler หรือ Robot หรือ Spider นั้นแต่ละแห่งจะมีวิธีการเก็บข้อมูล และการจัดอันดับข้อมูลที่ต่างกัน

โดยปกติ Search Engine จะส่งโปรแกรม Spider เข้าไปตามเครื่อง server ต่างๆ เดือนละครั้ง โดยจะใช้เวลาครั้งละ 2 อาทิตย์ เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีอยู่บน Internet ทั้งหมด โดยการ update ในแต่ละครั้ง เพื่อเพิ่มเว็บไซต์ใหม่เข้าไปในฐานข้อมูล พร้อมทั้งอัพเดทเว็บไซต์เดิม
คุณลักษณะของ search engine ของกูเกิล  

ระบบ Google มีวิธีการทำงานอย่างไรระบบการจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า อัลกอริทึ่มของ Google นั้นมีความละเอียด ซับซ้อนมาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งด้านระบบ Search Engine เจ้าไหนมาทัดเทียมได้ โดยหัวหน้าทีมวิศวกรรมระบบอัลกอริทึ่มของ Google นามว่า Max cutts เป็นบุคคลที่นัก SEO ทุกคนต้องรู้จัก เพราะเป็นคนกำหนดโครงสร้างและทิศทางที่ระบบอัลกอริทึ่มของ Google ว่าจะไปในทิศทางใด โดยทาง Google ได้มี Guideline มาให้นักทำ SEO มือใหม่ศึกษา ซึ่งเรามาดูขั้นตอนการทำงานว่ามันทำกันอย่างไรดังนี้

ขั้นแรก – ทาง Google จะส่ง Spider หรือ Bot ออกมาควานหาเว็บไซต์ที่เกิดใหม่ ไต่ไปตามเส้นทางบนอินเตอร์เน็ท ซึ่ง Spider ตัวนี้มีหลายชนิด แต่เรามีรู้จักหลัก  ชนิดคือ

Spider แบบไต่สั้น คือ จะเป็นพวก Bot วิ่งมาเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ของเพื่อนๆ บ่อยๆ วันละหลายๆครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณการอัพเดทและคุณภาพของเว็บ

Spider แบบไต่ยาว คือ จะมีหน้าที่หลักคอยควานหาเว็บไซต์ที่ยังไม่เคย Index มาก่อน ตัวนี้มีความยาวนานในการไต่ข้อมูลเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ทยาวนานเป็นพิเศษ คือไต่ไปเรื่อยๆเท่าที่สามารถ นานๆทีถึงจะส่งข้อมูลที่หาได้กลับเข้า Server

ขั้นต่อไป – หลังจากที่เรารู้จักกับ Bot แล้วก็ถึงขั้นตอนส่วนของเว็บไซต์ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ๆเกิดมาโดยปกติ CMS ระบบต่างๆ เช่น WordPress จะมีระบบ Ping อัตโนมัติในการเรียกบอท การ Ping คืออะไร?
คือ การใช้บริการตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเรียกให้บอทมาที่เว็บเรา เพื่อที่จะมาเก็บ Index แล้วนำเว็บไซต์ของเราไปจัดอันดับบน Search engine

การแข่งขันแย่งอันดับบน Search engine
หรือที่เค้าเรียกกันว่าการทำ SEO นั่นเอง เพื่อนๆบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า SEO คืออะไร แต่ผมมั่นใจว่าต่อไปในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับเว็บไซต์ทุกแขนงจะต้องมีการบรรจุหลักสูตร SEO ลงไปอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจัยการจัดอันดับของ Google ว่าจะให้เว้บไหนไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่นั้นไม่มีการกำหนดตายตัว แต่ในปัจจุบันปี 2012 นี้ Google จะวัดจาก 3 จุดใหญ่ๆคือ ค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ปริมาณลิ้งค์อ้างอิงกลับมายังเว็บไซต์ และ คะแนนส่วนของ Social network เรามาดูกันทีละหัวข้อกันครับ

ค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ในศัพท์ทางเทคนิคของนัก SEO เรียกว่า เว็บ High Authority นั้นคือตัวเว็บไซต์มีเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีมีคุณภาพ มีลิ้งค์อ้างอิงจากเว็บที่น่าเชื่อถือต่างๆกลับมายังเว็บไซต์นั้น ทำให้เว็บนั้นจะได้คะแนน Authority สูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในปัจจุบัน

ปริมาณลิ้งค์อ้างอิงกลับมายังเว็บไซต์
เปรียบเสมือนว่ามีคนอ้างอิงเว็บไซต์ของเราจากที่อื่นๆบนโลกอินเตอร์เน็ท แน่นอนตามหลักแห่งความเป็นจริงก็คือ ถ้าเนื้อหาเว็บไหนดี น่าสนใจ คนอื่นก็จะนำเว็บไซต์นั้นไปบอกต่อ Google ก็ยึดหลักนี้เป็นเกณฑ์หลักในการให้คะแนนด้าน SEO ซึ่งการทำ SEO ก็คือนัก SEO นั้นต้องไปสร้างแหล่งอ้างอิงตามเว็บต่างๆ ซึ่งมีเทคนิคแตกต่างกันออกไปมากมาย

คะแนนส่วนของ Social network
เป็นส่วนที่เกิดขึ้นใหม่ในปี 2012 นี้ คือ ถ้าเว็บไซต์ของเรามีผู้คนกด Like จาก Facebook มีคน Follow , Tweet กับ Twetter ของเรา , และ มีคนติดตามเราบน Google plus+ กันมาก จะทำให้เราได้คะแนนส่วนของ Social network อีกมาก อันดับเราจะดีกว่าชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่า Backlink ของเรานั้นจะต่ำกว่า

ความแตกต่างระหว่างยาฮูกับกูเกิล

Google
1.ค้นแล้วมันเจอสิ่งที่ต้องการ
2.ข้อมูลเยอะ (แต่บางทีก็เจอพวกเว็บลิงค์ spam keyword)
3.ค้นหาได้เร็ว
4.รูปแบบที่สะดวก + ใช้งานง่าย
5. ไม่รกหูรกตา
6. อัลกอลิธึมในการจัดอันดับไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน
เพื่อให้ผลการค้นหาใกล้เคียงกับความต้องการของคนค้นมากที่สุด
เป็นต้น

Yahoo
1.ค้นหาแล้วเจอบ้างไม่เจอบ้าง
3.ค้นหาได้ค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับ google
4.รูปแบบที่สะดวก + ใช้งานง่าย น้อยกว่า google
เป็นต้น

2. ให้นักศึกษาวิพากย์ถึงการนำพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 มาใช้ในการรายงานข่าวให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร (15 คะแนน)
“ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อ ความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพ หรือเสียง การบันทึกโดยเครื่อง คอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้

“ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ หน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วน ราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ

“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะ การเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัสหรือ สิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความ รวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ

“คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคล ดังต่อไปนี้

(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้น คนต่างด้าวเป็นผู้ถือ

(2) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว

(3) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว

(4) นิติบุคคลตาม(1) (2) (3) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการ หรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุน ดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว

 

3. ให้อภิปรายถึงผลกระทบต่อการใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทยภายหลังจากที่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (20 คะแนน)
1. หลักการและเหตุผล เนื่องด้วย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นมา ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลกระทบต่อการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ภายในหน่วยงานทั้งในส่วนของผู้ดูแลระบบและผู้ใช้งาน โดยในปีงบประมาณ 2550 ศส.ได้มีการจัดทำโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และปรับปรุงระบบเครือข่าย ซึ่งในโครงการดังกล่าว มีการจัดหาโปรแกรมควบคุมและตรวจสอบสถานะการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ( Novell ZENworks ) เพื่อช่วยในการตรวจสอบ ป้องกันและแก้ไขปัญหาในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อไปในอนาคตจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกำหนด Policy ในการใช้งาน

ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ สมอ. มีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย จึงเห็นสมควรจัดการอบรมหลักสูตร ” การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน ” ขึ้น

2. วัตถุประสงค์

2.1 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก พระราชบัญญัติฉบับนี้

2.2 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย และสามารถปฏิบัติงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ที่ติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.3 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความตระหนักเกี่ยวกับ Virus รูปแบบใหม่ ๆ และวิธีป้องกัน

3. หัวข้อการฝึกอบรม

3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และบทลงโทษ

3.2 โปรแกรม Novell ZENworks คืออะไร และผลกระทบกับผู้ใช้

3.3 การใช้ Internet ให้ปลอดภัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

3.4 ไวรัสรูปแบบใหม่ ๆ และวิธีป้องกัน

4. วิธีดำเนินการ

4.1 การบรรยายให้ความรู้

4.2 อภิปรายและตอบปัญหาต่าง ๆ

5. วิทยากร

5.1 นายวรพจน์ ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ

5.2 นายณัฐ สกลชัย นักวิชาการมาตรฐาน 5

6. คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม

ข้าราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

7. จำนวนผู้เข้ารับการอบรม

100 คน

8. ระยะเวลาการอบรม

วันที่ 3 กันยายน 2550 เวลา 9.00 – 12.00 น.

9. สถานที่ฝึกอบรม

ห้องประชุม 200 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

10. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม

เบิกจ่ายจากงบดำเนินงานของ ศูนย์สนเทศมาตรฐาน ในวงเงิน 5,850 บาท ตามรายละเอียด ดังนี้

(1) ค่าสมนาคุณวิทยากร 3 ชั่วโมง ๆ ละ 600 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท

(2) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 102 คน ๆ ละ 25 บาท เป็นเงิน 2,550 บาท

(3) ค่าเอกสารประกอบการอบรม 100 ชุด ชุดละ 15 บาท เป็นเงิน 1,500 บาท

11. ที่ปรึกษาโครงการ

ผู้อำนวยการศูนย์สนเทศมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

12. ผู้รับผิดชอบโครงการ

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์สนเทศมาตรฐาน

ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ศูนย์สนเทศมาตรฐาน

13. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

13.1 ผู้เข้ารับการอบรมมีมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

13.2 ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย และสามารถปฏิบัติงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ที่ติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

13.3 ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Virus รูปแบบใหม่ ๆ และการป้องกัน

                                                                                                                                                                                                ลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ที่อาจกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โดยความรู้เท่าไม่ถึงการ

 

4. นักศึกษาอภิปรายถึงเครื่องมือที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตที่สามารถนำมาทำการสืบค้นหาข้อมูลประกอบการรายงานข่าวมาให้เข้าใจ (20 คะแนน)
–  เทคนิคการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต — Presentation Transcript

1. เทคนิค การค้นหาข้อมูล ใน … อินเตอร์เนต รายวิชา ASI 403 ภาษาและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ภาคการศึกษาที่ ๑ / ๒๕๕๒ สถาบันอาศรมศิลป์

2. การค้นหาข้อมูลในเวปไซต์ ปัญหาในการสืบค้น การวางแผนและกลยุทธ์การสืบค้นข้อมูล รูปแบบการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เนต เวปไซต์ค้นหาข้อมูล (Search Engine) ที่ได้รับความนิยม วิธีการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนต เทคนิควิธีการในการใส่คำสืบค้น การบันทึกเวปเพจ (Web Page) ที่สนใจเป็นไฟล์

3. ระบบการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า เซิร์สเอ็นจิน (Search Engine) เป็นหัวใจสำคัญของการค้นหาข้อมูล ที่จะทำให้การค้นหาข้อมูลซึ่งมีจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตนั้นเกิดประโยชน์ในการเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ระบบค้นหาที่นิยมใช้กันอยู่ในขณะนี้ เช่น http://www.google.com http://www.google.co.th www . yahoo . com www . altavista . com ฯลฯ ระบบค้นหายังมีอีกมาก แม้แต่เว็บเพ็จขององค์กรต่าง ๆ ก็มักจะมีระบบค้นหา เพื่อให้ผู้ต้องการข้อมูลภายในองค์กรจะได้เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว

4. ไม่ทราบความต้องการที่แท้จริง และไม่ทราบว่าควรจะค้นหาข้อมูลจากแหล่งใด ข้อมูลมีเยอะแยะมากมาย หลายสิบหน้า หรือเป็นพันๆ แล้วจะเลือกอย่างไรให้ตรงประเด็นที่เราต้องการมากที่สุด จะทำอย่างไร และควรใช้คำสืบค้นอย่างไร ? ที่จะได้ข้อมูลตรงประเด็นที่เราต้องการมากที่สุด ?

5. ๑ . รู้เป้าหมายในการค้นหา เช่น ต้องการข้อมูลสารสนเทศเชิงวิชาการ เพื่อเป็นข้อมูลการเขียนบทความ ทำรายงาน ทำการวิจัยเพื่อการศึกษาเป็นต้น ๒ . ต้องรู้ว่าต้องการค้นเรื่องอะไร ๓ . รู้แหล่งข้อมูลและฐานข้อมูลที่ต้องการสืบค้น ( URL :http://www. arsomsilp . ac.th ) ๔ . การรู้จักเลือกเครื่องมือช่วยค้นที่เหมาะสมกับหัวข้อที่ต้องการ ๕ . กำหนดคำที่จะใช้ค้น ( Query ) เช่นคำสำคัญหรือหัวเรื่อง ๖ . การพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูล ๗ . วิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ที่ได้ วิธีแก้ปัญหาในการสืบค้นข้อมูล

6. เลือก Search Engine ที่ใช้ประจำไว้ใน “ Bookmarks” or “Favorite Places” ถ้าหัวเรื่องกว้างให้ใช้ Subject Search เช่น Yahoo, LookSmart or Encyclopedia Britannica ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะหรือหัวข้อแคบให้ใช้ Keyword ค้นใน Infoseek, excite และ Savvy ค้นจากหลายๆฐานข้อมูลหรือค้นจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น AltaVista, HotBot or NorthernLight ทำความเข้าใจกับเครื่องมือวิธีการสืบค้น ภาษา และ เทคนิคที่ใช้เพื่อไม่ให้คำค้นกว้างเกินไป

7. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory การค้นหาในรูปแบบ Search Engine

8. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จากการที่เจ้าของเวปไซต์คัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน คุณสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะ ดูได้เลยใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของ

9. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine ผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า ๗๐ % จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้ หลักการทำงานของ Search Engine คุณจะต้องพิมพ์คำสำคัญ ( Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป ค้นหานั้นๆเข้าไป จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Site ต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา ( ระบบฐานข้อมูลของมันจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มีหน้าที่ควบคุมและจัดการ มีชื่อเรียกว่า Spiders ซึ่งการทำงานของมันจะใช้วิธีการเดินลัดเลาะไปตามเครือข่ายต่างๆที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่เต็มไปหมดใน Internet เพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน Site เดิมที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง จากนั้นมันก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนอัตโนมัติ ยกตัวอย่างของผู้ให้บริการประเภทนี้เช่น Excite , Lycos Infoserch เป็นต้น การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้นมักจะได้ผลลัพธ์ออกมากว้างๆชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก

10. Google http://www.google.com/ Yahoo http://www.yahoo.com/ AltaVista http://www.altavista.com/ Excite http://www.excite.com/ HotBot http://www.hotbot.com/ Infoseek http://www.infoseek.com/ Lycos http://www.lycos.com/

11. Siamguru http://www.siamguru.com ThaiFind http://www.thaifind.com Sanook http://www.sanook.com Tuk – Tuk http://www.tuk-tuk.com/index-b.asp Thailand2000 http://www.thailand 2000 .com

12. การค้นหาข้อมูล ในเวิลด์ไวด์เว็บ ทำได้โดย การพิมพ์คำ วลี หรือคำถาม ลงไปในช่องว่าง แล้วคลิกที่ search ตัวอย่างเช่น เราต้องการทราบสภาพอากาศในกรุงเทพฯ ให้พิมพ์คำว่า Bangkok weather หรือ what is the weather in Bangkok? ลงไป เมื่อคลิ๊กที่ search โปรแกรมจะค้นหาข้อมูล ที่เกี่ยวกับสภาพอากาศในกรุงเทพฯให้ทันที

13. ๑ ๒ การใช้ เครื่องหมาย คำพูด “ ……………….” ถ้าเราต้องการค้นหาคำหรือวลีที่เฉพาะเจาะจง และแน่ใจ ว่าคำหรือวลี นั้น เช่น " you are my sun shine " ทำให้เราได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการมากกว่า การใช้ ตัวอักษรตัวเล็กและตัวใหญ่ การค้นหาข้อมูลใน อินเตอร์เนต ให้ใช้ตัวอักษรตัวเล็กเท่านั้น เช่น ถ้าพิมพ์ว่า " Banana " ก็จะได้ผลลัพธ์จากเวปไซต์เฉพาะที่สะกดว่า Banana เท่านั้น แต่ถ้าใช้ banana เราจะได้ผลลัพธ์ จากทุกเวปเพจ

14. ๓ ๔ การใช้เครื่องหมายบวก และ ลบ กรณีที่ต้องการให้ผลลัพธ์ทั้งหมด มีคำที่เราต้องการค้นหาอยู่ด้วย ให้ใส่ (+) ไปข้างหน้า เช่น ต้องการให้มีคำว่า phuket อยู่ในผลลัพธ์ ให้พิมพ์ beach diving sea + phuket แต่ถ้าต้องการให้ผลลัพธ์ไม่มีคำ ที่ต้องการอยู่ ก็ให้ใส่ ( – ) ด้านหน้าคำนั้น การใช้ Wildcards เราใช้ เครื่องหมาย (*) เป็นตัวร่วม สำหรับค้นหาเวปเพจ เพื่อให้ครอบคลุม ถึงคำที่เราต้องการในหลายๆรูปแบบ เช่น com* เป็นการบอกให้หาคำที่มีคำว่า com ขึ้นหน้าเป็นหลักส่วนด้านท้ายเป็นอะไรไม่สนใจ แต่หากนำมาไว้ด้านหน้า เช่น * tor จะเป็นการให้หาคำที่ลงท้ายด้วย tor เป็นหลัก

15. ๕ การใช้ ตัวเชื่อมทาง Logic มีอยู่ ๓ ตัวด้วยกันคือ AND เป็นการสั่งให้หาโดยจะต้องมีคำนั้นๆมาแสดงด้วยเท่านั้น ! โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องติดกัน เช่น food AND fruit เป็นต้น OR เป็นการสั่งให้หาข้อมูล โดยจะต้องนำคำใดคำหนึ่งที่พิมพ์ลงไปแสดงออกมา NOT เป็นการสั่งไม่ให้เลือกคำนั้นๆมาแสดง เช่น food and cheese not butter หมายความว่า ให้ทำการหาเวปที่เกี่ยวข้องกับ food และ cheese แต่ต้องไม่มี butter เป็นต้น

16. ๖ การระบุเงื่อนไขประเภทเอกสาร นำมาใช้ในกรณีที่ต้องการเอกสารฉบับจริง หรือเอกสารฟอร์แมตต่างๆ ที่เผยแพร่ผ่านเวปไซต์ เช่น ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ e-Learning ที่อยู่ในฟอร์แมต Microsoft PowerPoint วิธีการ คือระบุคำเฉพาะเพิ่มเติมในการสืบค้น คือ filetype:ppt เช่น e-Learning filetype:ppt หรือต้องการให้การสืบค้นมีความเฉพาะเพิ่มขึ้น เช่น e-learning site:nectec.or.th filetype:ppt นอกจากยังสามารถระบุฟอร์แมตเอกสารอื่นได้ เช่น doc สำหรับ Microsoft Word xls สำหรับ Microsoft Excel และ pdf สำหรับเอกสารในฟอร์แมต pdf

17. ๗ การค้นหาคำในหน้าเวปเพจด้วย Web Browser ใช้ในกรณี ค้นหาข้อความที่ตรงกับความต้องการภายในเวปเพจที่ได้เลือกไว้ ( สะดวกต่อการนั่งไล่ดูทีละบรรทัด จากข้อความที่มีอยู่เต็มหน้าจอไปหมด ) วิธีการ นำ mouse ไป click ที่ menu Edit แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find in Page หรือกดปุ่ม Ctrl + F ที่ keyboard ก็ได้ จากนั้นใส่คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้นๆ ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้ อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ

18. พิมพ์คำสั่ง URL ไปที่ Webs ite ที่ต้องการ คลิกเมนู File คลิกคำสั่ง Save As เลือก folder ที่จะใช้เก็บแฟ้ม คลิกคำสั่ง Save เครื่องจะเก็บเป็นไฟล์ชนิด HTML ถ้าต้องการเก็บเป็น Text File ให้เปลี่ยนชนิดเป็น .TXT

5 ให้อภิปรายถึงคุณประโยชน์ของการนำเอาโปรแกรม Excels มาใช้ในการจัดเตรียมข้อมูลโดยสังเขป (15 คะแนน)
– ประโยชน์และความหมายของโปรแกรมExcel

โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชีต (spreadsheet) หรือโปรแกรมตารางทำงานซึ่งใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ สูตรคำนวณ ลงบนแผ่นตารางงานคล้ายกับการเขียนข้อมูลลงไปในสมุดที่มีการตีช่องตารางทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ตารางแต่ละช่องจะมีชื่อกำกับไว้ในแนวตั้งหรือสดมภ์ของตารางเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเริ่มจาก A,B,C,…เรื่อยไปจนสุดขอบตารางทางขวา มีทั้งหมด 256 สดมภ์ (Column) แนวนอนมีหมายเลขกำกับเป็นบรรทัดที่ 1,2,3,…เรื่อยไปจนถึงบรรทัดสุดท้ายจำนวนบรรทัดจะต่างกันในแต่ละโปรแกรมในที่นี้เท่ากับ 65,536 แถว (Row) ช่องที่แนวตั้งและแนวนอนตัดกันเรียกว่า เซลล์ (Cell) ใช้บรรจุข้อมูล ข้อความ หรือสูตรคำนวณ ปัจจุบันโปรแกรมตารางทำงาน  มีความสามารถ 3 ด้าน คือ  คำนวณ  นำเสนองานด้วยกราฟและแผนภูมิ จัดการฐานข้อมูล โปรแกรมประเภทตารางทำงานมีผู้พัฒนาขึ้นมาหลายโปรแกรม เช่น ปี 2522ใช้โปรแกรมตารางทำงานชื่อว่า  วิสิแคล(VisiCalc) ต่อมาปรับปรุงชื่อว่า ซุปเปอร์แคล (SuperCalc) ในปี 2525  ในพัฒนาโปรแกรมชื่อว่า มัลติแพลน (Multiplan) ปี 2526ได้ปรับปรุงโปรแกรมชื่อว่าโลตัส 1-2-3 (Lotus 1-2-3) เป็นที่นิยมอย่างมาก  ออราคิล (Oracle) และต่อมาบริษัทไมโครซอฟท์ได้พัฒนาระบบงานวินโดวส์ขึ้นมาเพื่อให้ใช้ได้ง่ายชื่อว่า ไมโครซอฟท์เอ็กเซล (Microsoft Excel) ซึ่งเรียกว่า เอ็กเซล (Excel)

                โปรแกรมตารางทำงานหรือกระดาษคำนวณ(Spreadsheet) ที่มีใช้ในประเทศไทย เริ่มจากโปรแกรม Lotus 1-2-3 ที่ทำงานบน DOS และได้รับการพัฒนาการใช้อย่างต่อเนื่องเป็น Microsoft Excel

คุณสมบัติที่สำคัญของ Microsoft Excel

 1.  ความสามารถด้านการคำนวณ โปรแกรม Microsoft  Excel สามารถป้อนสูตรการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น

2.  ความสามารถด้านใช้ฟังก์ชัน  เช่นฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร ตัวเลข วันที่ ฟังก์ชันเกี่ยวกับการเงิน หรือเกี่ยวกับการตัดสินใจ

3.  ความสามารถในการสร้างกราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถนำข้อมูลที่ป้อนลงในตารางมาสร้างเป็นกราฟได้ทันที

4.  ความสามารถในการตกแต่งตารางข้อมูล โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถตกแต่งตารางข้อมูลหรือกราฟ ข้อมูลด้วยภาพ สี และรูปแบบตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามและทำให้แยกแยะข้อมูลได้ง่ายขึ้น

5.  ความสามารถในการเรียงลำดับข้อมูล โปรแกรม  Microsoft  Excel สามารถคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่ต้องการมาวิเคราะห์ได้

6.  ความสามารถในการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถพิมพ์งานทั้งข้อมูลและรูปภาพหรือกราฟออกทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างรายงาน

7.  ความสามารถในการแปลงข้อมูลในตารางให้เป็นเว็บเพจ เพื่อนำไปแสดงในโฮมเพจ

การเรียกใช้งาน  โปรแกรม Microsoft Excel เรียกใช้โปรแกรมผ่าน Start Menu มีวิธีดังนี้

1.  คลิกที่ปุ่ม

2.  เลื่อนเมาส์ไปชี้คำสั่ง All program   

3.  เลื่อนเมาส์ไปที่ Microsoft office

4.  เลื่อนเมาส์ไปที่ Microsoft office Excel คลิก

ประโยชน์ของexcell

Microsoft Office Excel 2007 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและใช้กันอย่างแพร่หลายที่ช่วยผู้ใช้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ Office Excel 2007 และ Excel Services ทำให้คุณสามารถใช้งานร่วมกับผู้อื่นและจัดการการวิเคราะห์และความเข้าใจ กับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจด้วยความมั่นใจ
ต่อไปนี้เป็นประโยชน์หลัก 10 ประการของ Office Excel 2007 ซึ่งจะช่วยคุณสร้างกระดาษคำนวณและวิเคราะห์ ใช้งานร่วมกับผู้อื่น และจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
Office Excel 2007 มีส่วนติดต่อผู้ใช้ Microsoft Office Fluent ที่จะช่วยให้คุณค้นหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเมื่อคุณต้องการใช้ได้
ค้นหาเครื่องมือที่คุณต้องการเมื่อจำเป็นต้องใช้โดยใช้ส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ใน Office Excel 2007 โปรแกรม Office Excel 2007 จะแสดงคำสั่งที่เหมาะสมทันที ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตารางหรือการเขียนสูตร โดยขึ้นอยู่กับงานที่คุณต้องการทำ
 
 
นำเข้า, จัดเรียง และค้นหาชุดข้อมูลจำนวนมากภายในกระดาษคำนวณที่ขยายขึ้นอย่างมาก
ทำงานกับข้อมูลจำนวนมากใน Office Excel 2007 ซึ่งรองรับกระดาษคำนวณซึ่งมีมากถึง 1 ล้านแถว และ 16,000 คอลัมน์ นอกจากนั้น Office Excel 2007 ยังสนับสนุนแพลตฟอร์มตัวประมวลผลแบบมัลติคอร์เพื่อการคำนวณสูตรกระดาษคำนวณที่รวดเร็วขึ้น
 
 
ใช้กลไกการสร้างแผนภูมิที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดของ Office Excel 2007 ซึ่งจะช่วยให้คุณสื่อสารการวิเคราะห์ในแผนภูมิที่มีรูปลักษณ์แบบมืออาชีพ
สร้างแผนภูมิที่มีลักษณะเป็นมืออาชีพอย่างรวดเร็วด้วยเพียงไม่กี่คลิก โดยใช้เครื่องมือสร้างแผนภูมิในส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent นำการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการแสดงภาพที่หลากหลายไปใช้กับแผนภูมิของคุณ เช่น ลักษณะพิเศษ 3 มิติ, การแรเงาแบบจาง และความโปร่งใส สร้างและโต้ตอบกับแผนภูมิด้วยวิธีเดียวกันนี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงโปรแกรมประยุกต์ที่คุณใช้อยู่ เนื่องจากกลไกการสร้างแผนภูมิของ Office Excel 2007 จะเหมือนกับใน Microsoft Office Word 2007 และ Microsoft Office PowerPoint 2007
 
 
พบการสนับสนุนการทำงานกับตารางที่มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น
สร้าง จัดรูปแบบ ขยาย และอ้างอิงถึงตารางภายในสูตร เนื่องจาก Office Excel 2007 ได้พัฒนาการสนับสนุนตารางที่ปรับปรุงขึ้นอย่างมาก เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ในตารางขนาดใหญ่ Office Excel 2007 จะคงส่วนหัวของตารางให้อยู่ในหน้าจอในขณะที่คุณเลื่อนดูข้อมูล
 
 
สร้างและทำงานกับมุมมอง PivotTable อย่างง่ายดาย
มุมมอง PivotTable ทำให้คุณสามารถไปยังข้อมูลของคุณอีกครั้งได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบคำถามที่หลากหลาย ค้นหาคำตอบที่คุณต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างและใช้มุมมอง PivotTable ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยการลากเขตข้อมูลที่คุณต้องการให้ปรากฏ

 

6. ให้นักศึกษาบรรยายถึงระบบสารสนเทศโดยจำแนกตามระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันว่า มีอยู่กี่ระบบ มีลักษณะเป็นอย่างไร (15 คะแนน)                                                                                                                                           – ประเภทของระบบสารสนเทศ มี 5 ประเภท ได้แก่

1.ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ (Transaction Processing System : TPS)
      ระบบการประมวลผล เป็นการประมวลผลแบบวันต่อวัน เช่น การรับ-จ่ายบิล ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง ระบบการรับ-จ่าย สินค้า เป็นต้น ใช้งานในระดับผู้ปฏิบัติการ ระบบนี้ เป็นระบบสารสนเทศลำดับแรกที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
               ลักษณะเด่นของ TPS
              ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สิ่งที่ องค์กรจะได้รับเมื่อใช้ระบบนี้ คือ  ลดจำนวนพนักงาน   องค์กรจะมีการบริการที่สะดวกรวดเร็ว    ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
 

2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System : MIS)
               คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้ บริหารที่ต้องการการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชน์มากกว่าการ ช่วยงานแบบวันต่อวัน ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่าง ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อขยายขอบเขตความสามารถของธุรกิจ

ลักษณะเด่นของ MIS
1  จะสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บ ข้อมูลรายวัน
2  จะช่วย ให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เรียกใช้ ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลาที่ต้องการ
3จะมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่ เปลี่ยนแปลงไปขององค์กร
4ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล และจำกัดการ ใช้งานของบุคคลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น  

3 . ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System : DSS)
            คือระบบที่ทำหน้าที่จัดเตรียม สารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วย ในการตัดสินใจที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า เช่น การตัดสิน ใจเกี่ยวกับการรวมบริษัทและการหาบริษัทร่วม การขยายโรงงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่

ลักษณะเด่นของ DSS
1 จะช่วย ผู้บริหารในกระบวนการการตัดสินใจ                                                                                              
2 จะถูกออกแบบมาให้สามารถเรียกใช้ทั้งข้อมูลแบบ กึ่งโครงสร้างและแบบไม่มีโครงสร้าง                
3 จะต้อง สามารถสนับสนุนผู้ตัดสินใจได้ในทุกระดับ แต่จะเน้น ที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนยุทธศาสตร์                        
4 มีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความ สามารถในการจำลองสถานการณ์ และมีเครื่องมือในการ วิเคราะห์สำหรับช่วยเหลือผู้ทำการตัดสินใจ

4 . ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System : EIS)
         คือ EIS ประเภท พิเศษ ที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะช่วย ให้ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่คุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถใช้ระบบ สารสนเทศได้ง่ายขึ้น โดยใช้เมาส์เลื่อนหรือจอภาพแบบ สัมผัส เพื่อเชื่อมโยงข่าวสารระหว่างกัน ทำให้ผู้ บริหารไม่ต้องจำคำสั่ง

ลักษณะเด่นของ EIS
1ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
2 ระบบสามารถใช้งานได้ง่าย
3 มีความยืดหยุ่นสูง จะต้องสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
4 การใช้งาน ใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม
5 การสนับสนุนการตัดสินใจ ผู้บริหารระดับสูง ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน
6 การสนับสนุนข้อมูล ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
7 ผลลัพธ์ที่แสดง ตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
8 การใช้งานกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่าง ๆ
9 ความเร็วในการตอบสนอง จะต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีทันใด

5 .   ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Artificial Intelligence/Expert System : AI/ES)
              หมายถึง ระบบที่ทำให้เครื่อง คอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้ชำนาญการณ์ในสาขาใดสาขาหนึ่ง โดยได้รับ ความรู้จากมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถวิเคราะห์เหตุผล เพื่อตัดสินใจ ระบบคอมพิวเตอร์นี้ประกอบด้วย ฐานความรู้(Knowledge Base) และกฎข้อวินิจฉัย(Inference Rule) ซึ่งเป็นความ สามารถเฉพาะที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถตัดสินใจได้เอง เช่น การวินิจฉัย ความผิดพลาดของรถจักรดีเซลไฟฟ้า โดยใช้คอมพิวเตอร์

ลักษณะเด่นของ AI/ES
1 ป้องกันและรักษาความรู้ซึ่งอาจสูญหายไปขณะทำการเรียกข้อมูลหรือการยกเลิกการใช้ข้อมูล การใช้ข้อมูล ตลอดจนการสูญหาย เนื่องจากขาดการเก็บรักษาความรู้ อย่างเป็นระบบ และเป็นระเบียบ แบบแผน
2 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System จะจัดเตรียมข้อมูลให้อยู่ในลักษณะที่พร้อมสำหรับนำไปใช้งาน และมักจะถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนอง ต่อปัญหาในทันทีที่เกิดความต้องการ
3 การออกแบบระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System มักจะคำนึงถึงการบันทึกความรู้ในแต่ละสาขาให้เพียงพอและเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งจะทำให้ ระบบสามารถปฏิบัติงานแทนผู้เชี่ยวชาญ อย่างมีประสิทธิภาพ
4 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System จะสามารถตัดสินปัญหาอย่างแน่นอ น เนื่องจากระบบถูกพัฒนาให้สามารถปฏิบัติงานโดยปราศ จากผล กระทบ ทางร่างกายและอารมณ์ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์เช่น ความเครียด ความเจ็บ ป่วย เป็นต้น
5 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ โดยเฉพาะองค์การสมัยใหม่ ( Modern Organization ) ที่ต้องการ สร้าง ความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น การวิเคราะห์และวางแผนการตลาด การลดต้นทุน การเพิ่มการผลิตภาพ เป็นต้น

เกี่ยวกับ kamonchanokvanitchayanan

เกิด 28 ต.ค. 2534 ที่อยู่ 191 ม.1 ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี 61140 เรียนอยู่ที่ ม.กรุงเทพ รังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขา วารสาร
ข้อความนี้ถูกเขียนใน Uncategorized คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น