Rewrite ยาเสพติด & News Center

โครงสร้าง

เริ่มด้วยการเกริ่นเนื้อเรื่อง คือปัญหาของยาเสพติด หลังจากนั้นจะเป็นข้อมูลของงานทั้ง 8 กลุ่ม เริ่มที่ จุดอันตรายในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดปทุมธานี, ยาไอซ์และแนวโน้มความนิยมของวัยรุ่น, เส้นทางอาชญากรรมเยาวชนอาชีวะ, ข้าราชการที่พัวพันกับยาเสพติด, แพะรับบาป, งบประมาณเงินอุดหนุนด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด, โครงการค่ายบำบัดฟื้นฟูผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด และสถานบำบัดผู้ติดยาเสพติด

Rewrite ปัญหาเยาวชนกับยาเสพติดในพื้นที่จ.ปทุมธานี

ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในประเทศไทย และดูเหมือนว่ารัฐบาลหลายสมัยที่ผ่านมาจะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหานี้ แต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จและไม่เคยปราบปรามไปได้หมดเลยสักครั้ง

จังหวัดปทุมธานีก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีอัตราการเกิดคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเยอะมาก เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีนั้นเป็นบริเวณปริมณฑลและอยู่ใกล้กับกรุงเทพมหานครฯ จึงมีคดีมากมายที่เกี่ยวกับยาเสพติดเกิดขึ้นที่นี้ ส่วนหนึ่งคงมาจากจังหวัดปทุมธานีเองเป็นพื้นที่ที่เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด จึงกลายเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่จะเห็นข่าวคราวเกี่ยวกับยาเสพติดบ่อยมาก

จังหวัดปทุมธานีเองเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงในการที่จะพบเจอปัญหายาเสพติดมากที่สุดอีกจังหวัดหนึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ 7 อำเภอ คือ 1. อำเภอเมืองปทุมธานี สภาพปัญหาที่พบคือ การค้า และแพร่ระบาด 2. อำเภอคลองหลวง สภาพปัญหาที่พบคือ มีการลำเลียง พักยา การค้าและ แพร่ระบาด 3. อำเภอธัญบุรี สภาพปัญหาที่พบ คือ มีการลำเลียง พักยา การค้า และการแพร่ระบาด 4. อำเภอลำลูกกา สภาพปัญหา ที่พบคือ มีการลำเลียง การค้า แพร่ระบาด 5. อำเภอลาดหลุมแก้ว สภาพปัญหาที่พบคือ มีการลำเลียง การค้า แพร่ระบาด 6. อำเภอสามโคก สภาพปัญหาที่พบคือ มีการลำเลียง การค้า แพร่ระบาด 7. อำเภอหนองเสือ สภาพปัญหาที่พบคือ การค้า และแพร่ระบาด ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จำเป้ฯที่จะต้องจับตาเผ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อำเภอคลองหลวง ที่มีสถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่มีจำนวนนักศึกษาอยู่มาก จึงมีความเสี่ยงและเป็นพื้นที่อันตรายมากที่สุด

สำหรับยาเสพติดที่มีความเสี่ยงว่าจะมีแนวโน้มการเสพเพิ่มมากขึ้นคงจะเป็น “ยาไอซ์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักศึกษา ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเขตพื้นที่อำเภอคอลงหลวงที่มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาถึง 2 สถาบันนั้น เนื่องจาามีความเชื่อที่ว่าการเสพยาไอซ์จะทำให้ผอม ผิวสวย ขาวใสและหุ่นดีขึ้น ซึ่งนั่นเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ เพราะนอกจากยาไอซ์จะมีราคาสูงถึงกรัมละ 2,000 – 4,000 บาทแล้ว ยังเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากกว่าคนทั่วไปอีกหลายเท่าตัว

ซึ่งจากการพบว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่มีจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จะพบว่าล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้าแสถานที่ที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมพบปะสังสรรค์กัน เมื่อเกิดการรวมกลุ่มกันแล้วก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีก็คือ การทะเลาะวิวาทและยกพวกตีกันของกลุ่มเยาวชน แต่ที่น่าแปลกใจก็คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มเยาวชนเหล่านั้น มักจะมีอาวุธปืนเข้ามาด้วยเสมอ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมเยาวชนเหล่านั้นถึงสามารถพกพาอาวุธปืนได้ หรือว่ามันสามารถหาได้ง่ายดายมาก

สาเหตุอย่างหนึ่งที่คงพอจะเป็นคำตอบสำหรับเรื่องเหล่านี้ได้ก็คงหนีไม่พ้นยาเสพติด การเดินทางเข้าสู่เส้นทางนั้นก็เริ่มต้นจากการนำเงินไปซื้อยาเสพติดให้กับคนรู้จัก หลังจากนั้นก็จะมีวิธีการหาเงินจากทางด้านอื่น ๆ อย่างเช่น การพนัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนันฟุตบอล ซึ่งสามารถพบเจอได้ง่ายมาก หากเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือการเป็นโจร เริ่มจากการหาเงินโดยการขโมยทรัพย์สินของคนในครอบครัว และไปจนถึงการขโมยของผู้อื่น เพื่อหาเงินมาเสพยาเสพติดหรือซื้ออาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยอาจจะซื้อได้จากกลุ่มคนในวงการที่ทำเรื่องผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน

เมื่อมีการพบปะพบเจอกับกลุ่มคนมากมายที่เกี่ยวข้องกันในเรื่องยาเสพติดมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมาก็คือการเข้าไปพัวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นข้าราชการในพื้นที่นั้น อย่างเช่น อบจ. หรือข้าราชการทหารหรือตำรวจ โดยที่ส่วนใหญ่ที่พบและสามารถจับกุมได้นั้นจะพบมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท โดยกลุ่มข้าราชการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการกระทำผิดที่เกิดจากเยาวชนทั้งสิ้น

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการแจ้งเข้ามาอีกว่าในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีนั้น พบว่ามีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่หักเงินงบประมาณในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดสูงถึง 30% ทำให้งบประมาณที่ลงไปสู่พื้นที่จริง ๆ นั้นเหลือน้อยลง และเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากงบประมาณไม่เพียงพอแล้ว ผู้มีอำนาจเองก็ยังให้การสนับสนุนการกระทำผิดเหล่านี้อีกด้วย

เมื่อหน่วยงานมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดแล้ว ย่อมแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่เองก็ต้องทำหน้าที่ในการรักษาความถูกต้องอีกด้วย เมื่อหน้าที่ทั้ง 2 ขัดแย้งกัน สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือ การทำให้เรื่องผิดกลายเป็นถูก โดยการหาแพะรับบาปในการโยนความผิดที่เกิดขึ้น และกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดก็คือกลุ่มของเยาวชนที่หลงผิดได้ง่าย สิ่งยั่วยุต่าง ๆ ก็มีเยอะแยะมากมาย นอกจากนั้นแล้วในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีนั้น กลุ่มที่มีความเสี่ยงอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มของแรงงานต่างชาติ ที่ชอบรวมกลุ่มกันมั่วสุม จึงเป็นที่มาที่ว่าทำไมตำรวจจึงชอบจับแรงงานต่างด้าวในข้อหาค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะผิดจริงหรือไม่มีความผิดใด ๆ

และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมานั้น รัฐบาลเองก็ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งสิ่งที่มีความจำเป้ฯเป็ฯอย่าวงมากก็คือเรื่องของเงินงบประมาณสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยได้จัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีจุดมุ่งหมายเพื่อยับยั้งและกำจัดยาเสพติดให้หมดไป

ถึงแม้ว่าจะมีการโกงเงินงบประมาณที่รัฐบาลให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันบ้าง แต่งบประมาณอันน้อยนิดที่ไปถึงผู้ปฏิบัติงานก็แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่หมดอยู่ดี ในปีหนึ่ง ๆ รัฐบาลต้องเสียเงินงบประมาณแผ่นดินไปกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวถึง 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนที่มหาศาล แต่ก็ยังมาสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างจริงจังอยู่ดี

และแน่นอนว่าเงินงบประมาณที่ได้มานั้นส่วนหนึ่งก็ถูกนำมาใช้ในการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งในจังหวัดปทุมธานีเองก็คือ ค่ายบำบัดฟื้นฟูสรรถภาพผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดลาดหลุมแก้ว เป็นศูนย์ควบคุมแห่งเดียวในสังกัดกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ตั้งอยู่เลขที่ 99 หมู่ 3 ตำลบคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานีเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานด้านการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของบุคลากรตามกฎหมาย บังคับบำบัดภาย ในปี พ.ศ.2556 โดยมีพันธกิจหลักคือการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดอย่างมีมาตรฐาน ส่งเสริมและสนับสนุนการนำครอบ-ครัวและเครือข่ายชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการฟื้นฟูฯสงเคราะห์ผู้เข้ารับการฟื้นฟูฯ ทั้งในระหว่างและหลังพ้นการฟื้นฟูฯ ซึ่งสะดวกต่อเยาวชนที่กระทำผิดและต้องการเข้ารับการบำบัด เพราะที่ศูนย์แห่งนี้เคยทำการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดห้ออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติแล้วถึงจำนวน 1,574 คน

นอกจากโครงการบำบัดฟื้นฟูของค่ายบำบัดฟื้นฟูสรรถภาพผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดลาดหลุมแก้วแล้ว ยังมีสถานบำบัดผู้ติดยาอื่น ๆ อีกมามายในเขตพื้นที่ปทุมธานี บำบัดรักษา คือ รพ.คลองหลวง ,รพ.ธัญญารักษ์ ,รพ.ธัญบุรี ,รพ.ปทุมธานี ,รพ.ประชาธิปัตย์ ,รพ.ลาดหลุมแก้ว ,รพ.ลำลูกกา ,รพ.สามโคก ,รพ.หนองเสือ ,รพ.รังสิต ,คลินิกพิศาลบุตร ,และศูนย์ฟื้นฟูชีวิตผู้ติดยาเสพติดคอมมูนิต้าอินคอนโทร ซึ่งผู้ที่เข้ามารับการบำบัดนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ กลุ่มผู้ที่มีความสมัครใจจะบำบัดและไม่สมัครใจบำบัด ซึ่งระยะในการบำบัดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยว่าเป็นอย่างไร มีอาการแทรกซ้อนหรือมีอาการทางจิตร่วมด้วยหรือไม่

ปัจจุบัน “การบำบัดรักษา” ถือเป็นทางเลือกสำคัญที่บุคคลใกล้ชิด ควรแนะนำกับผู้ป่วยยาเสพติด ไม่เพียงดีกับสุขภาพ แต่ยังรวมถึงอนาคตที่จะมีโอกาสกลับคืนสู่สังคมไปใช้ชีวิตตามปกติด้วย

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าสถานการณ์ยาเสพติดเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวอย่างมาก ถึงแม่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรงกับผู้ที่ไม่ได้เสพหรือค้า แต่หากมองให้ลึกซึ้งมันก็อยู่รอบตัวเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยงก็คือเหล่าเยาวชน เพราะในจังหวัดปทุมธานีนั้นมีสถานศึกษาและหอพักอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะเข้าไปพัวพันทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องจะให้ความสำคัญและดูแลเยาวชนอย่างใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสังคมอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกด้วย

New Center

หนุ่มค้ายาโดดรถตำรวจหนีขณะคุมตัวส่งศาล
Source – เว็บไซต์คมชัดลึก (Th)
Friday, November 16, 2012 15:13
28947 XTHAI XGEN XLEGAL XETHIC V%NETNEWS P%WKC

หนุ่มค้ายาหวั่นเมียสาวสวยปันใจ ขณะเยี่ยมขู่หากติดคุกนานบอกจะไม่รอขอมีผัวใหม่ ทำผู้ต้องหาคลั่งโดดรถตำรวจหนีขณะถูกคุมตัว ตำรวจระดมกำลังปิดล้อมแต่ก็ยังไม่พบ
วันที่ 16 พ.ย. 55เวลา 10.30 น. ได้เกิดเหตุผู้ต้องหาคดีจำหน่ายยาเสพติด กระโดดหนีลงจากรถตราโล่ ขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะกง นำโดย ร.ต.ต.ภูวิชพนธ์ สุขใจ เจ้าหน้าที่เวรคุมตัวผู้ต้องหา และมี ดต.คำนึง ทับทิมสุข ผบ.หมู่ ป.เป็นพลขับ ขณะกำลังถูกคุมตัวนำส่งไปฝากขัง ยังที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เหตุเกิดที่บริเวณสามแยกสัญญาณไฟจราจรคลองประเวศ ม.1 ต.คลองประเวศอ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาปิดล้อมเพื่อค้นหา
จากการสอบถามเพื่อผู้ต้องหา ที่ถูกควบคุมตัวมาในรถด้วยกันรวม 4 คนซึ่งประกอบด้วย ผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติด (ยาบ้า) หลังถูกตรวจพบฉี่มีสีม่วง จำนวน 2 ราย และผู้ต้องหาเสพกัญชา 1 ราย เล่าเหตุการณ์ว่า

ขณะที่นั่งรถและถูกคล้องใส่กุญแจมือรวมในคดียาบ้าโยกัน 3 คน และแยกไม่ได้สวมกุญแจมือในคดีเสพกัญชามา 1 คน ซึ่งเป็นผู้พิการขา นั้น ผู้ต้องหาหนุ่มรายหนึ่ง นายเอ (นามสมมุติ) เล่าว่า ผู้ที่หลบหนีไป ได้ทำทีกุมมือและขยับข้อมือไปมาแต่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าทำอะไรเนื่องจากเขาสวมเสื้อแขนยาว
จากนั้นได้รูดเอาแขนออกมาจากกุญแจมือได้ เนื่องจากผู้ที่หนีไปนั้นมีรูปร่างผอม จึงเชื่อว่าขณะถูกล็อกกุญแจมือนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้รูดเข้าจนแน่น และมีช่องว่างอยู่มาก จากนั้นได้กระโดดหนีลงไปจากรถ ขณะที่กำลังจอดติดรอสัญญาณไฟแดงอยู่ในบริเวณดังกล่าว และวิ่งหลบหนีไปอย่าวงรวดเร็วจนเกือบถูกรถที่กำลังวิ่งมาทางตรงจากด้าน อ.เมือง พุ่งชน แต่เบรกได้ทัน หลับลงข้างทางหายไป ซึ่งขณะที่กระโดดลงไปนั้น เชื่อว่าผู้ที่หนีไปได้รับบาดเจ็บ จากการกระแทกกับพื้น จึงวิ่งไปในลักษณะขาโขยก เข้าไปในป่าหญ้าข้างทางแล้วหายไป ก่อนที่ผู้ต้องหาคดีเสพกัญชาจะร้องส่งเสียง และเจ้าหน้าที่ในรถเห็นจึงได้ลงรถมาพยายามติดตาม และนำรถเข้าแอบในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ขณะนี้ยังหาไม่พบ
โดยเหตุที่ทำให้ผู้ต้องหาหนุ่มรายนี้ตัดสินใจกระโดดหลบหนีไปนั้น เชื่อว่าเกรงว่าเมียจะมีสามีใหม่ หลังจากเมื่อวานนี้เมียของผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งเป็นหญิงสาวสวยเปรียบได้ยังกับดารา ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยมยังที่ห้องขัง สภ.บางปะกง

ซึ่งขณะนั้นตนก็ถูกคุมขังอยู่ด้วยจึงได้ยินการสนทนากัน โดยฝ่ายภรรยาบอกขู่ว่า “หากมึงติดนานกูจะไม่รอ และจะขอมีผัวใหม่” ส่วนฝ่ายชายได้ตอบกลับไปว่า “หากมึงมีผัวใหม่แล้วก็ขอให้ไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นจะตามไปยิงทิ้ง” ผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัวมาด้วยกันเผย
ด้าน ร.ต.ต.ภูวิชพนธ์ กล่าวว่า ตนได้เข้าเวรคุมตัวผู้ต้องหานำส่งศาล ขณะมาถึงที่เกิดเหตุ นายมะพร้าว ถินถาวร อายุ 20 ปีผู้ต้องหาได้สลัดรูดกุญแจมือออกกระโดดลงจากรถหลบหนีไปโดยผู้ต้องหารายดังกล่าวนี้ถูกจับในคดีค้ายาเสพติด จำหน่ายยาบ้าจำนวน 15 เม็ด ถูกจับกุมได้จากการล่อซื้อ โดยคดีดังกล่าวนี้มี ร.ต.ต.อ.วีระพันธ์ โสมอินทร์ เป็นพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง เป็นเจ้าของคดี

ที่มา: http://www.komchadluek.net

สยอง ผัวหึงโหด จ่อยิงเมียดับ แล้วฆ่าตัวตาม ที่ตลาดไท

Source – ไอ.เอ็น.เอ็น. (Th)
Friday, November 16, 2012 11:39
16566 XTHAI XGEN XLEGAL XETHIC V%WIREL P%INN

กรุงเทพฯ–16 พ.ย.–ไอ.เอ็น.เอ็น

สยอง.. หึงโหด สามีจ่อยิงภรรยาดับ ก่อนฆ่าตัวตายตาม ในร้านขายส่งปลาร้า กลางตลาดไท ตร.คลองหลวง รุดสอบแล้ว
พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้เกิดเหตุยิงกันตายขึ้นในตลาดไท เบื้องต้นพบศพ ชายหญิง 2 ศพ ในห้องนอนชั้น 3 ของร้านชื่อ โพธิสุวรรณ ซึ่งเป็นร้านขายส่งของดอง เช่นปลาร้า ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดไท คลองหลวง โดยทั้ง 2 ศพ ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเสียชีวิต

จากการสอบสวน ทราบว่า คนก่อเหตุน่าจะเป็นสามี ซึ่งยังไม่ทราบชื่อ ใช้อาวุธปืนจ่อยิงภรรยา จนเสียชีวิต และใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงตัวเองเสียชีวิตตามอีกศพ โดยสาเหตุน่าจะเกิดจากความหึงหวง ซึ่งขณะนี้ตำรวจรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว–จบ—

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

วิพากษ์วิจารณ์ เรื่อง แรงเงา



วิพากษ์วิจารณ์ เรื่อง แรงเงา
ละครเรื่องแรงเงา ก็เปรียบเสมือนชีวิตจริงของคนเรา เป็นละครที่สอนให้รู้จักมีความรักที่ซื่อสัตย์ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา ถ้าคู่ชีวิตที่เราเลือกมานั้น ไม่มีความซื่อสัตย์ หรือใช่เงินสิ้นเปลือง ก็จะก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาไม่จบ ไม่สิ้น
เป็นละครที่สอนให้ครอบครัวต้องรักใคร่ สามัคคีกัน พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ดูแลลูก เพราะถ้าพ่อแม่ ไม่มีเวลาให้ลูกได้ปรึกษาปัญหาที่ลูกมีอยู่นั้น อาจส่งผลให้ลูกทำตัวไม่ดี กินเหล้า เมายา เป็นการทำลายชีวิตของเด็กและครอบครัว
เรื่องแรงเงา ยังสอนให้รู้จัก ให้อภัยซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย และไม่จบไม่สิ้นกันเสียที และชีวิตก็จะหาความสุขไม่ได้ ถ้าการแก้แค้นเป็นหาทางที่ดี ก็คงทำให้ตัวเองและคนอื่นมีความสุขกัน แต่การแก้แค้นทำให้ตัวของผู้คิดแก้แค้นเป็นทุกข์เสียเอง แล้วจะหาความสุขได้อย่างไร
ยังมีคำพูด หรือ สำนวน ในเรื่องที่สอนให้คนดูรู้จักคิด และใช้เหตุผลในการชมละคร เพื่อนำสิ่งที่ดีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่ควรนำไปปฏิบัติ เพื่อหาความสุขแก่ตนเอง
การชมละครเรื่อง แรงเงานั้น ต้องมีวิจารณญาณในการชม เพราะเนื้อหาของเรื่อง มีแต่ปัญหาความรุนแรงของครอบครัว และปัญหาชีวิตมากมายที่อาจทำให้ผู้ชม ที่มีอายุน้อยเกินไป นำไปปฏิบัติ ให้เป็นเหตุแก่ตนเอง และผู้อื่นได้ ต้องรู้จักใช้ความคิด เพื่อให้ทราบถึง เนื้อหา สาระของเรื่องว่าต้องการสื่อให้ผู้ชมอย่างไร
การรู้จักรัก สามัคคีของพี่น้อง ต้องมีความรักที่ดี รักให้ถูกต้อง ถูกทาง เพื่อไม่ให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน หรือสร้างความทุกข์ต่อร่างกาย และจิตใจ ก็จะทำให้เราหาความสุขไม่เจอ หรือแม้แต่ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ก็ควรรักลูกให้ถูก เป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูก เมื่อลูกมีปัญหา อย่าปล่อยให้เด็กต้องเผชิญปัญหาด้วยตนเอง เพราะอาจส่งผลร้ายกับเด็กและครอบครัวได้
อย่างไรก็ตาม ละครทุกเรื่องย่อมมีทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่ผู้ชมก็ควรใช้วิจารณญาณในการชม ด้วยเหตุผล ในละครแรงเงานั้น แม้จะมีการตบตีเรื่องของผู้ชาย หรือผู้ชายมีเมียน้อยหลายคน ในละครนี้ก็เหมือนชีวิตจริงของคนเรา แต่เราก็ควรเลือกในสิ่งที่ดีของเรื่องไปปฏิบัติ และไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ไม่ดี ที่มีอยู่เรื่องแรงเงา เพื่อให้ชีวิตของเราพบเจอแต่ความสุข อย่าแก้แค้น เพราะความแก้แค้นมีแต่ความทุกข์ แล้วชีวิตก็จะหาความสุขไม่เจอ

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

แบบฝึกหัด

1. ให้นักศึกษาเลือกอภิปรายคุณลักษณะของ search engine ของยาฮู กับ search engine ของกูเกิล มาอย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง search engine ทั้งสองมาโดยสังเขป (15 คะแนน)
– คุณลักษณะของ search engine ของยาฮู ถ้าแบ่ง search engine ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่ 1 Crawler Based Search Engines
ประเภทที่ 2 Web Directory หรือ Blog Directory
ประเภทที่ 3 Meta Search Engine

YAHOO จะเป็น search engine ประเภทที่ 1 ครับ คือ
อาศัยการบันทึกข้อมูล และ จัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก
โดยมีองประกอบหลักเพียง 2 ส่วนด้วยกันคือ

1. ฐานข้อมูล โดยส่วนใหญ่แล้ว Crawler Based Search Engine เหล่านี้จะมีฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง ที่มีระบบการประมวลผล และ การจัดอันดับที่เฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างมาก

2. ซอฟแวร์ คือเครื่องมือหลักสำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งสำหรับ Serch Engine ประเภทนี้ เนื่องจากต้องอาศัยโปรแกรมเล็ก ๆ (ชนิดที่เรียกว่า จิ๋วแต่แจ๋ว) ทำหน้าที่ในการตรวจหา และทำการจัดเก็บข้อมูล หน้าเพจ หรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ในรูปแบบ ของการทำสำเนาข้อมูลเหมือนกับต้นฉบับทุกอย่าง ซึ่งเราจะรู้จักกันในนาม Spider หรือ Web Crawler หรือ Search Engine Robots

ตัวอย่างของ Crawler Based Search Engine ชื่อดัง ได้แก่ Google , Yahoo, MSN, Live, Search, Technorati (สำหรับ blog) ส่วนลักษณะการทำงาน และ การเก็บข้อมูงของ Web Crawler หรือ Robot หรือ Spider นั้นแต่ละแห่งจะมีวิธีการเก็บข้อมูล และการจัดอันดับข้อมูลที่ต่างกัน

โดยปกติ Search Engine จะส่งโปรแกรม Spider เข้าไปตามเครื่อง server ต่างๆ เดือนละครั้ง โดยจะใช้เวลาครั้งละ 2 อาทิตย์ เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีอยู่บน Internet ทั้งหมด โดยการ update ในแต่ละครั้ง เพื่อเพิ่มเว็บไซต์ใหม่เข้าไปในฐานข้อมูล พร้อมทั้งอัพเดทเว็บไซต์เดิม
คุณลักษณะของ search engine ของกูเกิล  

ระบบ Google มีวิธีการทำงานอย่างไรระบบการจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า อัลกอริทึ่มของ Google นั้นมีความละเอียด ซับซ้อนมาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งด้านระบบ Search Engine เจ้าไหนมาทัดเทียมได้ โดยหัวหน้าทีมวิศวกรรมระบบอัลกอริทึ่มของ Google นามว่า Max cutts เป็นบุคคลที่นัก SEO ทุกคนต้องรู้จัก เพราะเป็นคนกำหนดโครงสร้างและทิศทางที่ระบบอัลกอริทึ่มของ Google ว่าจะไปในทิศทางใด โดยทาง Google ได้มี Guideline มาให้นักทำ SEO มือใหม่ศึกษา ซึ่งเรามาดูขั้นตอนการทำงานว่ามันทำกันอย่างไรดังนี้

ขั้นแรก – ทาง Google จะส่ง Spider หรือ Bot ออกมาควานหาเว็บไซต์ที่เกิดใหม่ ไต่ไปตามเส้นทางบนอินเตอร์เน็ท ซึ่ง Spider ตัวนี้มีหลายชนิด แต่เรามีรู้จักหลัก  ชนิดคือ

Spider แบบไต่สั้น คือ จะเป็นพวก Bot วิ่งมาเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ของเพื่อนๆ บ่อยๆ วันละหลายๆครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณการอัพเดทและคุณภาพของเว็บ

Spider แบบไต่ยาว คือ จะมีหน้าที่หลักคอยควานหาเว็บไซต์ที่ยังไม่เคย Index มาก่อน ตัวนี้มีความยาวนานในการไต่ข้อมูลเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ทยาวนานเป็นพิเศษ คือไต่ไปเรื่อยๆเท่าที่สามารถ นานๆทีถึงจะส่งข้อมูลที่หาได้กลับเข้า Server

ขั้นต่อไป – หลังจากที่เรารู้จักกับ Bot แล้วก็ถึงขั้นตอนส่วนของเว็บไซต์ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ๆเกิดมาโดยปกติ CMS ระบบต่างๆ เช่น WordPress จะมีระบบ Ping อัตโนมัติในการเรียกบอท การ Ping คืออะไร?
คือ การใช้บริการตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อเรียกให้บอทมาที่เว็บเรา เพื่อที่จะมาเก็บ Index แล้วนำเว็บไซต์ของเราไปจัดอันดับบน Search engine

การแข่งขันแย่งอันดับบน Search engine
หรือที่เค้าเรียกกันว่าการทำ SEO นั่นเอง เพื่อนๆบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า SEO คืออะไร แต่ผมมั่นใจว่าต่อไปในหลักสูตรของสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับเว็บไซต์ทุกแขนงจะต้องมีการบรรจุหลักสูตร SEO ลงไปอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจัยการจัดอันดับของ Google ว่าจะให้เว้บไหนไปอยู่อันดับที่เท่าไหร่นั้นไม่มีการกำหนดตายตัว แต่ในปัจจุบันปี 2012 นี้ Google จะวัดจาก 3 จุดใหญ่ๆคือ ค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ปริมาณลิ้งค์อ้างอิงกลับมายังเว็บไซต์ และ คะแนนส่วนของ Social network เรามาดูกันทีละหัวข้อกันครับ

ค่าความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
ในศัพท์ทางเทคนิคของนัก SEO เรียกว่า เว็บ High Authority นั้นคือตัวเว็บไซต์มีเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีมีคุณภาพ มีลิ้งค์อ้างอิงจากเว็บที่น่าเชื่อถือต่างๆกลับมายังเว็บไซต์นั้น ทำให้เว็บนั้นจะได้คะแนน Authority สูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในปัจจุบัน

ปริมาณลิ้งค์อ้างอิงกลับมายังเว็บไซต์
เปรียบเสมือนว่ามีคนอ้างอิงเว็บไซต์ของเราจากที่อื่นๆบนโลกอินเตอร์เน็ท แน่นอนตามหลักแห่งความเป็นจริงก็คือ ถ้าเนื้อหาเว็บไหนดี น่าสนใจ คนอื่นก็จะนำเว็บไซต์นั้นไปบอกต่อ Google ก็ยึดหลักนี้เป็นเกณฑ์หลักในการให้คะแนนด้าน SEO ซึ่งการทำ SEO ก็คือนัก SEO นั้นต้องไปสร้างแหล่งอ้างอิงตามเว็บต่างๆ ซึ่งมีเทคนิคแตกต่างกันออกไปมากมาย

คะแนนส่วนของ Social network
เป็นส่วนที่เกิดขึ้นใหม่ในปี 2012 นี้ คือ ถ้าเว็บไซต์ของเรามีผู้คนกด Like จาก Facebook มีคน Follow , Tweet กับ Twetter ของเรา , และ มีคนติดตามเราบน Google plus+ กันมาก จะทำให้เราได้คะแนนส่วนของ Social network อีกมาก อันดับเราจะดีกว่าชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่า Backlink ของเรานั้นจะต่ำกว่า

ความแตกต่างระหว่างยาฮูกับกูเกิล

Google
1.ค้นแล้วมันเจอสิ่งที่ต้องการ
2.ข้อมูลเยอะ (แต่บางทีก็เจอพวกเว็บลิงค์ spam keyword)
3.ค้นหาได้เร็ว
4.รูปแบบที่สะดวก + ใช้งานง่าย
5. ไม่รกหูรกตา
6. อัลกอลิธึมในการจัดอันดับไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน
เพื่อให้ผลการค้นหาใกล้เคียงกับความต้องการของคนค้นมากที่สุด
เป็นต้น

Yahoo
1.ค้นหาแล้วเจอบ้างไม่เจอบ้าง
3.ค้นหาได้ค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับ google
4.รูปแบบที่สะดวก + ใช้งานง่าย น้อยกว่า google
เป็นต้น

2. ให้นักศึกษาวิพากย์ถึงการนำพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ.2540 มาใช้ในการรายงานข่าวให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร (15 คะแนน)
“ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อ ความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพ หรือเสียง การบันทึกโดยเครื่อง คอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้

“ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของ หน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วน ราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ผู้ซึ่งปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ

“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะ การเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัสหรือ สิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความ รวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ

“คนต่างด้าว” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคล ดังต่อไปนี้

(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนต่างด้าว ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้น คนต่างด้าวเป็นผู้ถือ

(2) สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว

(3) สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของคนต่างด้าว

(4) นิติบุคคลตาม(1) (2) (3) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรคหนึ่ง ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่น ให้ถือว่าผู้จัดการ หรือกรรมการ หรือสมาชิก หรือเจ้าของทุน ดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว

 

3. ให้อภิปรายถึงผลกระทบต่อการใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทยภายหลังจากที่มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (20 คะแนน)
1. หลักการและเหตุผล เนื่องด้วย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นมา ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลกระทบต่อการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ภายในหน่วยงานทั้งในส่วนของผู้ดูแลระบบและผู้ใช้งาน โดยในปีงบประมาณ 2550 ศส.ได้มีการจัดทำโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และปรับปรุงระบบเครือข่าย ซึ่งในโครงการดังกล่าว มีการจัดหาโปรแกรมควบคุมและตรวจสอบสถานะการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ( Novell ZENworks ) เพื่อช่วยในการตรวจสอบ ป้องกันและแก้ไขปัญหาในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ และต่อไปในอนาคตจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกำหนด Policy ในการใช้งาน

ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ สมอ. มีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย จึงเห็นสมควรจัดการอบรมหลักสูตร ” การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน ” ขึ้น

2. วัตถุประสงค์

2.1 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก พระราชบัญญัติฉบับนี้

2.2 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย และสามารถปฏิบัติงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ที่ติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.3 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความตระหนักเกี่ยวกับ Virus รูปแบบใหม่ ๆ และวิธีป้องกัน

3. หัวข้อการฝึกอบรม

3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และบทลงโทษ

3.2 โปรแกรม Novell ZENworks คืออะไร และผลกระทบกับผู้ใช้

3.3 การใช้ Internet ให้ปลอดภัยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

3.4 ไวรัสรูปแบบใหม่ ๆ และวิธีป้องกัน

4. วิธีดำเนินการ

4.1 การบรรยายให้ความรู้

4.2 อภิปรายและตอบปัญหาต่าง ๆ

5. วิทยากร

5.1 นายวรพจน์ ชัยพรหมประสิทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ

5.2 นายณัฐ สกลชัย นักวิชาการมาตรฐาน 5

6. คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรม

ข้าราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

7. จำนวนผู้เข้ารับการอบรม

100 คน

8. ระยะเวลาการอบรม

วันที่ 3 กันยายน 2550 เวลา 9.00 – 12.00 น.

9. สถานที่ฝึกอบรม

ห้องประชุม 200 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

10. ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม

เบิกจ่ายจากงบดำเนินงานของ ศูนย์สนเทศมาตรฐาน ในวงเงิน 5,850 บาท ตามรายละเอียด ดังนี้

(1) ค่าสมนาคุณวิทยากร 3 ชั่วโมง ๆ ละ 600 บาท เป็นเงิน 1,800 บาท

(2) ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 102 คน ๆ ละ 25 บาท เป็นเงิน 2,550 บาท

(3) ค่าเอกสารประกอบการอบรม 100 ชุด ชุดละ 15 บาท เป็นเงิน 1,500 บาท

11. ที่ปรึกษาโครงการ

ผู้อำนวยการศูนย์สนเทศมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

12. ผู้รับผิดชอบโครงการ

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์สนเทศมาตรฐาน

ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ศูนย์สนเทศมาตรฐาน

13. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

13.1 ผู้เข้ารับการอบรมมีมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น

13.2 ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks บนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย และสามารถปฏิบัติงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย ที่ติดตั้งโปรแกรม Novell ZENworks ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

13.3 ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ Virus รูปแบบใหม่ ๆ และการป้องกัน

                                                                                                                                                                                                ลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ที่อาจกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โดยความรู้เท่าไม่ถึงการ

 

4. นักศึกษาอภิปรายถึงเครื่องมือที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตที่สามารถนำมาทำการสืบค้นหาข้อมูลประกอบการรายงานข่าวมาให้เข้าใจ (20 คะแนน)
–  เทคนิคการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต — Presentation Transcript

1. เทคนิค การค้นหาข้อมูล ใน … อินเตอร์เนต รายวิชา ASI 403 ภาษาและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ภาคการศึกษาที่ ๑ / ๒๕๕๒ สถาบันอาศรมศิลป์

2. การค้นหาข้อมูลในเวปไซต์ ปัญหาในการสืบค้น การวางแผนและกลยุทธ์การสืบค้นข้อมูล รูปแบบการสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เนต เวปไซต์ค้นหาข้อมูล (Search Engine) ที่ได้รับความนิยม วิธีการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนต เทคนิควิธีการในการใส่คำสืบค้น การบันทึกเวปเพจ (Web Page) ที่สนใจเป็นไฟล์

3. ระบบการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า เซิร์สเอ็นจิน (Search Engine) เป็นหัวใจสำคัญของการค้นหาข้อมูล ที่จะทำให้การค้นหาข้อมูลซึ่งมีจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตนั้นเกิดประโยชน์ในการเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ระบบค้นหาที่นิยมใช้กันอยู่ในขณะนี้ เช่น http://www.google.com http://www.google.co.th www . yahoo . com www . altavista . com ฯลฯ ระบบค้นหายังมีอีกมาก แม้แต่เว็บเพ็จขององค์กรต่าง ๆ ก็มักจะมีระบบค้นหา เพื่อให้ผู้ต้องการข้อมูลภายในองค์กรจะได้เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว

4. ไม่ทราบความต้องการที่แท้จริง และไม่ทราบว่าควรจะค้นหาข้อมูลจากแหล่งใด ข้อมูลมีเยอะแยะมากมาย หลายสิบหน้า หรือเป็นพันๆ แล้วจะเลือกอย่างไรให้ตรงประเด็นที่เราต้องการมากที่สุด จะทำอย่างไร และควรใช้คำสืบค้นอย่างไร ? ที่จะได้ข้อมูลตรงประเด็นที่เราต้องการมากที่สุด ?

5. ๑ . รู้เป้าหมายในการค้นหา เช่น ต้องการข้อมูลสารสนเทศเชิงวิชาการ เพื่อเป็นข้อมูลการเขียนบทความ ทำรายงาน ทำการวิจัยเพื่อการศึกษาเป็นต้น ๒ . ต้องรู้ว่าต้องการค้นเรื่องอะไร ๓ . รู้แหล่งข้อมูลและฐานข้อมูลที่ต้องการสืบค้น ( URL :http://www. arsomsilp . ac.th ) ๔ . การรู้จักเลือกเครื่องมือช่วยค้นที่เหมาะสมกับหัวข้อที่ต้องการ ๕ . กำหนดคำที่จะใช้ค้น ( Query ) เช่นคำสำคัญหรือหัวเรื่อง ๖ . การพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูล ๗ . วิเคราะห์และประเมินผลลัพธ์ที่ได้ วิธีแก้ปัญหาในการสืบค้นข้อมูล

6. เลือก Search Engine ที่ใช้ประจำไว้ใน “ Bookmarks” or “Favorite Places” ถ้าหัวเรื่องกว้างให้ใช้ Subject Search เช่น Yahoo, LookSmart or Encyclopedia Britannica ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะหรือหัวข้อแคบให้ใช้ Keyword ค้นใน Infoseek, excite และ Savvy ค้นจากหลายๆฐานข้อมูลหรือค้นจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น AltaVista, HotBot or NorthernLight ทำความเข้าใจกับเครื่องมือวิธีการสืบค้น ภาษา และ เทคนิคที่ใช้เพื่อไม่ให้คำค้นกว้างเกินไป

7. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory การค้นหาในรูปแบบ Search Engine

8. การค้นหาในรูปแบบ Index Directory ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย จากการที่เจ้าของเวปไซต์คัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน คุณสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะ ดูได้เลยใน Web Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียดของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหนอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของ

9. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine ผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า ๗๐ % จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้ หลักการทำงานของ Search Engine คุณจะต้องพิมพ์คำสำคัญ ( Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป ค้นหานั้นๆเข้าไป จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Site ต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา ( ระบบฐานข้อมูลของมันจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มีหน้าที่ควบคุมและจัดการ มีชื่อเรียกว่า Spiders ซึ่งการทำงานของมันจะใช้วิธีการเดินลัดเลาะไปตามเครือข่ายต่างๆที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่เต็มไปหมดใน Internet เพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน Site เดิมที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง จากนั้นมันก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนอัตโนมัติ ยกตัวอย่างของผู้ให้บริการประเภทนี้เช่น Excite , Lycos Infoserch เป็นต้น การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้นมักจะได้ผลลัพธ์ออกมากว้างๆชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก

10. Google http://www.google.com/ Yahoo http://www.yahoo.com/ AltaVista http://www.altavista.com/ Excite http://www.excite.com/ HotBot http://www.hotbot.com/ Infoseek http://www.infoseek.com/ Lycos http://www.lycos.com/

11. Siamguru http://www.siamguru.com ThaiFind http://www.thaifind.com Sanook http://www.sanook.com Tuk – Tuk http://www.tuk-tuk.com/index-b.asp Thailand2000 http://www.thailand 2000 .com

12. การค้นหาข้อมูล ในเวิลด์ไวด์เว็บ ทำได้โดย การพิมพ์คำ วลี หรือคำถาม ลงไปในช่องว่าง แล้วคลิกที่ search ตัวอย่างเช่น เราต้องการทราบสภาพอากาศในกรุงเทพฯ ให้พิมพ์คำว่า Bangkok weather หรือ what is the weather in Bangkok? ลงไป เมื่อคลิ๊กที่ search โปรแกรมจะค้นหาข้อมูล ที่เกี่ยวกับสภาพอากาศในกรุงเทพฯให้ทันที

13. ๑ ๒ การใช้ เครื่องหมาย คำพูด “ ……………….” ถ้าเราต้องการค้นหาคำหรือวลีที่เฉพาะเจาะจง และแน่ใจ ว่าคำหรือวลี นั้น เช่น " you are my sun shine " ทำให้เราได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการมากกว่า การใช้ ตัวอักษรตัวเล็กและตัวใหญ่ การค้นหาข้อมูลใน อินเตอร์เนต ให้ใช้ตัวอักษรตัวเล็กเท่านั้น เช่น ถ้าพิมพ์ว่า " Banana " ก็จะได้ผลลัพธ์จากเวปไซต์เฉพาะที่สะกดว่า Banana เท่านั้น แต่ถ้าใช้ banana เราจะได้ผลลัพธ์ จากทุกเวปเพจ

14. ๓ ๔ การใช้เครื่องหมายบวก และ ลบ กรณีที่ต้องการให้ผลลัพธ์ทั้งหมด มีคำที่เราต้องการค้นหาอยู่ด้วย ให้ใส่ (+) ไปข้างหน้า เช่น ต้องการให้มีคำว่า phuket อยู่ในผลลัพธ์ ให้พิมพ์ beach diving sea + phuket แต่ถ้าต้องการให้ผลลัพธ์ไม่มีคำ ที่ต้องการอยู่ ก็ให้ใส่ ( – ) ด้านหน้าคำนั้น การใช้ Wildcards เราใช้ เครื่องหมาย (*) เป็นตัวร่วม สำหรับค้นหาเวปเพจ เพื่อให้ครอบคลุม ถึงคำที่เราต้องการในหลายๆรูปแบบ เช่น com* เป็นการบอกให้หาคำที่มีคำว่า com ขึ้นหน้าเป็นหลักส่วนด้านท้ายเป็นอะไรไม่สนใจ แต่หากนำมาไว้ด้านหน้า เช่น * tor จะเป็นการให้หาคำที่ลงท้ายด้วย tor เป็นหลัก

15. ๕ การใช้ ตัวเชื่อมทาง Logic มีอยู่ ๓ ตัวด้วยกันคือ AND เป็นการสั่งให้หาโดยจะต้องมีคำนั้นๆมาแสดงด้วยเท่านั้น ! โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องติดกัน เช่น food AND fruit เป็นต้น OR เป็นการสั่งให้หาข้อมูล โดยจะต้องนำคำใดคำหนึ่งที่พิมพ์ลงไปแสดงออกมา NOT เป็นการสั่งไม่ให้เลือกคำนั้นๆมาแสดง เช่น food and cheese not butter หมายความว่า ให้ทำการหาเวปที่เกี่ยวข้องกับ food และ cheese แต่ต้องไม่มี butter เป็นต้น

16. ๖ การระบุเงื่อนไขประเภทเอกสาร นำมาใช้ในกรณีที่ต้องการเอกสารฉบับจริง หรือเอกสารฟอร์แมตต่างๆ ที่เผยแพร่ผ่านเวปไซต์ เช่น ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ e-Learning ที่อยู่ในฟอร์แมต Microsoft PowerPoint วิธีการ คือระบุคำเฉพาะเพิ่มเติมในการสืบค้น คือ filetype:ppt เช่น e-Learning filetype:ppt หรือต้องการให้การสืบค้นมีความเฉพาะเพิ่มขึ้น เช่น e-learning site:nectec.or.th filetype:ppt นอกจากยังสามารถระบุฟอร์แมตเอกสารอื่นได้ เช่น doc สำหรับ Microsoft Word xls สำหรับ Microsoft Excel และ pdf สำหรับเอกสารในฟอร์แมต pdf

17. ๗ การค้นหาคำในหน้าเวปเพจด้วย Web Browser ใช้ในกรณี ค้นหาข้อความที่ตรงกับความต้องการภายในเวปเพจที่ได้เลือกไว้ ( สะดวกต่อการนั่งไล่ดูทีละบรรทัด จากข้อความที่มีอยู่เต็มหน้าจอไปหมด ) วิธีการ นำ mouse ไป click ที่ menu Edit แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find in Page หรือกดปุ่ม Ctrl + F ที่ keyboard ก็ได้ จากนั้นใส่คำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้นๆ ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้ อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ

18. พิมพ์คำสั่ง URL ไปที่ Webs ite ที่ต้องการ คลิกเมนู File คลิกคำสั่ง Save As เลือก folder ที่จะใช้เก็บแฟ้ม คลิกคำสั่ง Save เครื่องจะเก็บเป็นไฟล์ชนิด HTML ถ้าต้องการเก็บเป็น Text File ให้เปลี่ยนชนิดเป็น .TXT

5 ให้อภิปรายถึงคุณประโยชน์ของการนำเอาโปรแกรม Excels มาใช้ในการจัดเตรียมข้อมูลโดยสังเขป (15 คะแนน)
– ประโยชน์และความหมายของโปรแกรมExcel

โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชีต (spreadsheet) หรือโปรแกรมตารางทำงานซึ่งใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ สูตรคำนวณ ลงบนแผ่นตารางงานคล้ายกับการเขียนข้อมูลลงไปในสมุดที่มีการตีช่องตารางทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ตารางแต่ละช่องจะมีชื่อกำกับไว้ในแนวตั้งหรือสดมภ์ของตารางเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเริ่มจาก A,B,C,…เรื่อยไปจนสุดขอบตารางทางขวา มีทั้งหมด 256 สดมภ์ (Column) แนวนอนมีหมายเลขกำกับเป็นบรรทัดที่ 1,2,3,…เรื่อยไปจนถึงบรรทัดสุดท้ายจำนวนบรรทัดจะต่างกันในแต่ละโปรแกรมในที่นี้เท่ากับ 65,536 แถว (Row) ช่องที่แนวตั้งและแนวนอนตัดกันเรียกว่า เซลล์ (Cell) ใช้บรรจุข้อมูล ข้อความ หรือสูตรคำนวณ ปัจจุบันโปรแกรมตารางทำงาน  มีความสามารถ 3 ด้าน คือ  คำนวณ  นำเสนองานด้วยกราฟและแผนภูมิ จัดการฐานข้อมูล โปรแกรมประเภทตารางทำงานมีผู้พัฒนาขึ้นมาหลายโปรแกรม เช่น ปี 2522ใช้โปรแกรมตารางทำงานชื่อว่า  วิสิแคล(VisiCalc) ต่อมาปรับปรุงชื่อว่า ซุปเปอร์แคล (SuperCalc) ในปี 2525  ในพัฒนาโปรแกรมชื่อว่า มัลติแพลน (Multiplan) ปี 2526ได้ปรับปรุงโปรแกรมชื่อว่าโลตัส 1-2-3 (Lotus 1-2-3) เป็นที่นิยมอย่างมาก  ออราคิล (Oracle) และต่อมาบริษัทไมโครซอฟท์ได้พัฒนาระบบงานวินโดวส์ขึ้นมาเพื่อให้ใช้ได้ง่ายชื่อว่า ไมโครซอฟท์เอ็กเซล (Microsoft Excel) ซึ่งเรียกว่า เอ็กเซล (Excel)

                โปรแกรมตารางทำงานหรือกระดาษคำนวณ(Spreadsheet) ที่มีใช้ในประเทศไทย เริ่มจากโปรแกรม Lotus 1-2-3 ที่ทำงานบน DOS และได้รับการพัฒนาการใช้อย่างต่อเนื่องเป็น Microsoft Excel

คุณสมบัติที่สำคัญของ Microsoft Excel

 1.  ความสามารถด้านการคำนวณ โปรแกรม Microsoft  Excel สามารถป้อนสูตรการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น

2.  ความสามารถด้านใช้ฟังก์ชัน  เช่นฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร ตัวเลข วันที่ ฟังก์ชันเกี่ยวกับการเงิน หรือเกี่ยวกับการตัดสินใจ

3.  ความสามารถในการสร้างกราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถนำข้อมูลที่ป้อนลงในตารางมาสร้างเป็นกราฟได้ทันที

4.  ความสามารถในการตกแต่งตารางข้อมูล โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถตกแต่งตารางข้อมูลหรือกราฟ ข้อมูลด้วยภาพ สี และรูปแบบตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงามและทำให้แยกแยะข้อมูลได้ง่ายขึ้น

5.  ความสามารถในการเรียงลำดับข้อมูล โปรแกรม  Microsoft  Excel สามารถคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่ต้องการมาวิเคราะห์ได้

6.  ความสามารถในการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ โปรแกรม Microsoft   Excel สามารถพิมพ์งานทั้งข้อมูลและรูปภาพหรือกราฟออกทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างรายงาน

7.  ความสามารถในการแปลงข้อมูลในตารางให้เป็นเว็บเพจ เพื่อนำไปแสดงในโฮมเพจ

การเรียกใช้งาน  โปรแกรม Microsoft Excel เรียกใช้โปรแกรมผ่าน Start Menu มีวิธีดังนี้

1.  คลิกที่ปุ่ม

2.  เลื่อนเมาส์ไปชี้คำสั่ง All program   

3.  เลื่อนเมาส์ไปที่ Microsoft office

4.  เลื่อนเมาส์ไปที่ Microsoft office Excel คลิก

ประโยชน์ของexcell

Microsoft Office Excel 2007 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและใช้กันอย่างแพร่หลายที่ช่วยผู้ใช้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ Office Excel 2007 และ Excel Services ทำให้คุณสามารถใช้งานร่วมกับผู้อื่นและจัดการการวิเคราะห์และความเข้าใจ กับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า และคู่ค้าทางธุรกิจด้วยความมั่นใจ
ต่อไปนี้เป็นประโยชน์หลัก 10 ประการของ Office Excel 2007 ซึ่งจะช่วยคุณสร้างกระดาษคำนวณและวิเคราะห์ ใช้งานร่วมกับผู้อื่น และจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
Office Excel 2007 มีส่วนติดต่อผู้ใช้ Microsoft Office Fluent ที่จะช่วยให้คุณค้นหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเมื่อคุณต้องการใช้ได้
ค้นหาเครื่องมือที่คุณต้องการเมื่อจำเป็นต้องใช้โดยใช้ส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ใน Office Excel 2007 โปรแกรม Office Excel 2007 จะแสดงคำสั่งที่เหมาะสมทันที ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตารางหรือการเขียนสูตร โดยขึ้นอยู่กับงานที่คุณต้องการทำ
 
 
นำเข้า, จัดเรียง และค้นหาชุดข้อมูลจำนวนมากภายในกระดาษคำนวณที่ขยายขึ้นอย่างมาก
ทำงานกับข้อมูลจำนวนมากใน Office Excel 2007 ซึ่งรองรับกระดาษคำนวณซึ่งมีมากถึง 1 ล้านแถว และ 16,000 คอลัมน์ นอกจากนั้น Office Excel 2007 ยังสนับสนุนแพลตฟอร์มตัวประมวลผลแบบมัลติคอร์เพื่อการคำนวณสูตรกระดาษคำนวณที่รวดเร็วขึ้น
 
 
ใช้กลไกการสร้างแผนภูมิที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดของ Office Excel 2007 ซึ่งจะช่วยให้คุณสื่อสารการวิเคราะห์ในแผนภูมิที่มีรูปลักษณ์แบบมืออาชีพ
สร้างแผนภูมิที่มีลักษณะเป็นมืออาชีพอย่างรวดเร็วด้วยเพียงไม่กี่คลิก โดยใช้เครื่องมือสร้างแผนภูมิในส่วนติดต่อผู้ใช้ Office Fluent นำการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการแสดงภาพที่หลากหลายไปใช้กับแผนภูมิของคุณ เช่น ลักษณะพิเศษ 3 มิติ, การแรเงาแบบจาง และความโปร่งใส สร้างและโต้ตอบกับแผนภูมิด้วยวิธีเดียวกันนี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงโปรแกรมประยุกต์ที่คุณใช้อยู่ เนื่องจากกลไกการสร้างแผนภูมิของ Office Excel 2007 จะเหมือนกับใน Microsoft Office Word 2007 และ Microsoft Office PowerPoint 2007
 
 
พบการสนับสนุนการทำงานกับตารางที่มีประสิทธิภาพและดียิ่งขึ้น
สร้าง จัดรูปแบบ ขยาย และอ้างอิงถึงตารางภายในสูตร เนื่องจาก Office Excel 2007 ได้พัฒนาการสนับสนุนตารางที่ปรับปรุงขึ้นอย่างมาก เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ในตารางขนาดใหญ่ Office Excel 2007 จะคงส่วนหัวของตารางให้อยู่ในหน้าจอในขณะที่คุณเลื่อนดูข้อมูล
 
 
สร้างและทำงานกับมุมมอง PivotTable อย่างง่ายดาย
มุมมอง PivotTable ทำให้คุณสามารถไปยังข้อมูลของคุณอีกครั้งได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบคำถามที่หลากหลาย ค้นหาคำตอบที่คุณต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างและใช้มุมมอง PivotTable ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยการลากเขตข้อมูลที่คุณต้องการให้ปรากฏ

 

6. ให้นักศึกษาบรรยายถึงระบบสารสนเทศโดยจำแนกตามระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันว่า มีอยู่กี่ระบบ มีลักษณะเป็นอย่างไร (15 คะแนน)                                                                                                                                           – ประเภทของระบบสารสนเทศ มี 5 ประเภท ได้แก่

1.ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ (Transaction Processing System : TPS)
      ระบบการประมวลผล เป็นการประมวลผลแบบวันต่อวัน เช่น การรับ-จ่ายบิล ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง ระบบการรับ-จ่าย สินค้า เป็นต้น ใช้งานในระดับผู้ปฏิบัติการ ระบบนี้ เป็นระบบสารสนเทศลำดับแรกที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
               ลักษณะเด่นของ TPS
              ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สิ่งที่ องค์กรจะได้รับเมื่อใช้ระบบนี้ คือ  ลดจำนวนพนักงาน   องค์กรจะมีการบริการที่สะดวกรวดเร็ว    ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
 

2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System : MIS)
               คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้ บริหารที่ต้องการการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชน์มากกว่าการ ช่วยงานแบบวันต่อวัน ประกอบไปด้วยโปรแกรมต่าง ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อขยายขอบเขตความสามารถของธุรกิจ

ลักษณะเด่นของ MIS
1  จะสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บ ข้อมูลรายวัน
2  จะช่วย ให้ผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง เรียกใช้ ข้อมูลที่เป็นโครงสร้างได้ตามเวลาที่ต้องการ
3จะมีความยืดหยุ่นและสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่ เปลี่ยนแปลงไปขององค์กร
4ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูล และจำกัดการ ใช้งานของบุคคลเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น  

3 . ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System : DSS)
            คือระบบที่ทำหน้าที่จัดเตรียม สารสนเทศเพื่อช่วยในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วย ในการตัดสินใจที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า เช่น การตัดสิน ใจเกี่ยวกับการรวมบริษัทและการหาบริษัทร่วม การขยายโรงงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่

ลักษณะเด่นของ DSS
1 จะช่วย ผู้บริหารในกระบวนการการตัดสินใจ                                                                                              
2 จะถูกออกแบบมาให้สามารถเรียกใช้ทั้งข้อมูลแบบ กึ่งโครงสร้างและแบบไม่มีโครงสร้าง                
3 จะต้อง สามารถสนับสนุนผู้ตัดสินใจได้ในทุกระดับ แต่จะเน้น ที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนยุทธศาสตร์                        
4 มีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความ สามารถในการจำลองสถานการณ์ และมีเครื่องมือในการ วิเคราะห์สำหรับช่วยเหลือผู้ทำการตัดสินใจ

4 . ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information System : EIS)
         คือ EIS ประเภท พิเศษ ที่ถูกพัฒนาสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะช่วย ให้ผู้บริหารระดับสูงที่ไม่คุ้นเคยกับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถใช้ระบบ สารสนเทศได้ง่ายขึ้น โดยใช้เมาส์เลื่อนหรือจอภาพแบบ สัมผัส เพื่อเชื่อมโยงข่าวสารระหว่างกัน ทำให้ผู้ บริหารไม่ต้องจำคำสั่ง

ลักษณะเด่นของ EIS
1ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
2 ระบบสามารถใช้งานได้ง่าย
3 มีความยืดหยุ่นสูง จะต้องสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
4 การใช้งาน ใช้ในการตรวจสอบ ควบคุม
5 การสนับสนุนการตัดสินใจ ผู้บริหารระดับสูง ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน
6 การสนับสนุนข้อมูล ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
7 ผลลัพธ์ที่แสดง ตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
8 การใช้งานกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่าง ๆ
9 ความเร็วในการตอบสนอง จะต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีทันใด

5 .   ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Artificial Intelligence/Expert System : AI/ES)
              หมายถึง ระบบที่ทำให้เครื่อง คอมพิวเตอร์กลายเป็นผู้ชำนาญการณ์ในสาขาใดสาขาหนึ่ง โดยได้รับ ความรู้จากมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้คอมพิวเตอร์ สามารถวิเคราะห์เหตุผล เพื่อตัดสินใจ ระบบคอมพิวเตอร์นี้ประกอบด้วย ฐานความรู้(Knowledge Base) และกฎข้อวินิจฉัย(Inference Rule) ซึ่งเป็นความ สามารถเฉพาะที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถตัดสินใจได้เอง เช่น การวินิจฉัย ความผิดพลาดของรถจักรดีเซลไฟฟ้า โดยใช้คอมพิวเตอร์

ลักษณะเด่นของ AI/ES
1 ป้องกันและรักษาความรู้ซึ่งอาจสูญหายไปขณะทำการเรียกข้อมูลหรือการยกเลิกการใช้ข้อมูล การใช้ข้อมูล ตลอดจนการสูญหาย เนื่องจากขาดการเก็บรักษาความรู้ อย่างเป็นระบบ และเป็นระเบียบ แบบแผน
2 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System จะจัดเตรียมข้อมูลให้อยู่ในลักษณะที่พร้อมสำหรับนำไปใช้งาน และมักจะถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนอง ต่อปัญหาในทันทีที่เกิดความต้องการ
3 การออกแบบระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System มักจะคำนึงถึงการบันทึกความรู้ในแต่ละสาขาให้เพียงพอและเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งจะทำให้ ระบบสามารถปฏิบัติงานแทนผู้เชี่ยวชาญ อย่างมีประสิทธิภาพ
4 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System จะสามารถตัดสินปัญหาอย่างแน่นอ น เนื่องจากระบบถูกพัฒนาให้สามารถปฏิบัติงานโดยปราศ จากผล กระทบ ทางร่างกายและอารมณ์ที่มีอยู่ในตัวมนุษย์เช่น ความเครียด ความเจ็บ ป่วย เป็นต้น
5 ระบบผู้เชี่ยวชาญ Expert System เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ โดยเฉพาะองค์การสมัยใหม่ ( Modern Organization ) ที่ต้องการ สร้าง ความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น การวิเคราะห์และวางแผนการตลาด การลดต้นทุน การเพิ่มการผลิตภาพ เป็นต้น

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

การอนุรักษ์ภาษาถิ่น

 

การอนุรักษ์ภาษาถิ่น 

1.1 บทคัดย่อ สรุปเรื่องราว

                ในประเทศไทยของเรานั้น มีภาษาถิ่นใช้กันทั่วประเทศ แต่จะแบ่งภาษาออกเป็นภาคของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภาษาถิ่นเหนือ ภาษาอีสาน ภาษาใต้ และภาษากลาง ซึ่งในแต่ละภาคมีภาษาถิ่นของตนเองใช้กันทั้งนั้น ภาษาถิ่นของแต่ละภาคก็มีความสำคัญของแต่ละภาคนั้นๆ

                การสื่อสารกันโดยใช้ภาษาถิ่นของแต่ละพื้นที่ ในการติดต่อกัน มีความพิเศษของแต่ละภาษา มีความสวยงามของคำพูดที่ใช้สื่อสาร เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาคในเมืองไทย ภาษาถิ่นของไทยมีความงดงามอยู่ที่ตัวของมัน และเราก็ควรที่จะอนุรักษ์ภาษาถิ่นในเมืองไทยไว้นานๆ เพื่อให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไป

                อย่างไรก็ตาม ภาษาถิ่นของไทยนั้นจะอยู่คู่ประเทศไทย ให้ลูกหลานได้เรียนรู้ และพูดภาษาถิ่นของตนที่เกิดในพื้นที่ต่าง ไม่ว่าจะเป็นเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ก็เป็นคนไทยทั้งนั้น ในเมื่อเราเป็นคนไทย ก็ควรจะหวงแหน และอนุรักษ์ความเป็นไทยของภาษาถิ่นเอาไว้ เพื่อคนไทยทุกคน

1.2 เหตุผลประกอบในการเสนอเรื่องราว

                ภาษาถิ่นเป็นภาษาที่ทุกคนในประเทศต้องใช้ในการติดต่อสื่อสาร มีความสำคัญต่อทุกคน ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ภาษาถิ่นของคนไทยทั่วประเทศก็มีความเป็นเอกลักษณ์ ความงดงามของคำพูดในแต่ละถิ่นที่อยู่ต่างๆของประเทศไทย เราจึงควรเห็นความสำคัญของภาษาถิ่น และควรหวงแหน อนุรักษ์ภาษาถิ่นของไทยสืบไป

 1.3 การตั้งชื่อเรื่อง

ภาษาถิ่นที่ควรหวงแหน

1.4 วัตถุประสงค์ในการเสนอผลงาน

1.เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาของภาษาถิ่น

2.เพื่อให้ทราบถึงความสำคัญของการใช้ภาษาถิ่น

3.เพื่อให้มองเห็นคุณค่าของภาษาถิ่นที่เราใช้กัน

4.เพื่อให้ทราบถึงประเภทของภาษาถิ่น

5.เพื่อให้ทราบถึงประโยชน์ของการใช้ภาษาถิ่น

6.เพื่อรู้วิธีการอนุรักษ์ภาษาถิ่นไว้

1.5 ประเด็นหลัก

ความเป็นมาของภาษาถิ่น

ภาษาถิ่นถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของท้องถิ่น โดยจะมีความโดดเด่นของภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ซึ่งนักวิชาการได้กล่าวถึงสาเหตุของการถือกำเนิดภาษาถิ่น ไว้ ดังนี้

ระวีวรรณ อินทร์แหยม (2542, หน้า 12-20) กล่าวว่า ภาษาถิ่นได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีสาเหตุที่สำคัญ 3 ประการ คือ

1. ภาษามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างช้าๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป ในชั่วชีวิตของแต่ละคนจึงมักจะไม่ค่อยสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ของภาษา สาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการออกเสียงแต่ละเสียง คือ ในระยะเริ่มแรกของการเรียนภาษาแรกของแต่ละคน เราจะเรียนด้วยวิธีการเลียนแบบ และการเลียนแบบนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ก็จะทำให้เหมือนแบบจริงๆ ทุกอย่างย่อมไม่ได้ ในเรื่องของการออกเสียงพูดของเด็กก็เช่นเดียวกัน เด็กที่เลียนแบบพ่อแม่หรือผู้ที่ใกล้ชิดย่อมมีการผิดเพี้ยนไปบ้าง ถ้าหากเด็กออกเสียงผิดเพี้ยนไปมาก จนเป็นที่สังเกตได้ชัดก็จะได้รับการแก้ไขให้ออกเสียงใหม่ให้ถูกต้อง แต่ถ้าเด็กออกเสียงผิดเพี้ยน ไปเล็กน้อยแล้วไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง นานๆ ไปหลายๆ ชั่วคน การผิดเพี้ยนเล็กๆ น้อยๆ นี้ ก็จะมากขึ้น จนเสียงบางเสียงกลายไป

2. การขาดการติดต่อกันระหว่างผู้ที่พูดภาษาเดียวกัน เมื่อภาษาที่กลุ่มคนหนึ่งใช้เปลี่ยนแปลงไป คนอีกกลุ่มหนึ่งไม่รู้ ต่างฝ่ายต่างก็เปลี่ยนแปลงของตนไป ผลก็คือ ภาษาเดียวกันของคนต่างกลุ่มนี้จะเปลี่ยนแปลงไปคนละอย่าง ดังนั้น ถ้าคนมีโอกาสติดต่อกัน น้อยเท่าไร ก็จะทำให้พูดภาษาต่างกันมากขึ้นเท่านั้น

3. การเปลี่ยนแปลงของเสียงแต่ละเสียงไปตามกาลเวลานั้นเป็นไปอย่างมี ระเบียบสม่ำเสมอ มีแบบแผน และมีกฎเกณฑ์ ดังนั้นถึงภาษาจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก็ยังทำให้ผู้ที่ พูดภาษาถิ่นแต่ละถิ่นฟังกันรู้เรื่อง

นอกจากนี้ ฉันทัส ทองช่วย (2535, หน้า 19-22) กล่าวว่า ภาษาถิ่นเป็นภาษาย่อยที่เกิดจากการแปรของภาษาใดภาษาหนึ่ง ซึ่งสาเหตุของการเกิดภาษาถิ่นมีดังนี้

1. การย้ายที่อยู่ของกลุ่มผู้ใช้ภาษา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาษาใดภาษาหนึ่งกลายเป็น ภาษาถิ่น เพราะว่าผู้ใช้ภาษาที่ย้ายถิ่นที่อยู่ออกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ได้พบปะสังสรรค์กับกลุ่มชนอื่น รวมทั้งได้มีการประดิษฐ์คิดค้นผลผลิตทางวัฒนธรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการศึกษาเรียน รู้ เงื่อนไขเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษาและวัฒนธรรมการใช้ ภาษาทุกด้าน เมื่อกลุ่มผู้ใช้ภาษาได้ย้ายถิ่นที่อยู่ออกไปห่างจากถิ่นเดิม หรือชุมชนเดิมของตนเป็นเวลานานๆ ทำให้ขาดการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน ลักษณะของภาษาและวัฒนธรรมการใช้ภาษาของชุมชนใหม่ก็จะค่อยๆ แตกต่างออกไป จากภาษาที่เคยใช้กันมาแต่เดิม จนกระทั่งเกิดเป็นภาษาถิ่นซึ่งเป็นภาษาย่อยที่เกิดการแปรของภาษาใดภาษาหนึ่ง

2. สภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศ กลุ่มผู้ใช้ภาษาที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศแตกต่างกัน เช่น อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่ม อาศัยอยู่บนเนินเขาในป่าใหญ่ที่ไม่มีถนนหนทางตัดผ่าน อาศัยอยู่ริมทะเลที่มีสัตว์น้ำชุกชุม และอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่ได้รับ การดัดแปลงอย่างสวยงามอย่างย่านชุมชนเมือง เป็นต้นกลุ่มผู้ใช้ภาษาที่แต่เดิมใช้ภาษาเดียวกันมาก่อนแล้วต่อมาได้เข้าไป ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศ ซึ่งต่างกันดังกล่าวมานานๆ เข้าจะใช้ภาษาแตกต่างกันเป็นคนละถิ่นได้ เพราะกลุ่มชนดังกล่าวจะมีอาชีพต่างกัน นอกจากนี้กลุ่มชนดังกล่าวจะมีสภาพความเป็นอยู่ในระบบของวัฒนธรรม ที่แตกต่างกัน

3. การรับอิทธิพลจากภาษาอื่น เช่น ภาษาของกลุ่มชนอื่น หรือภาษาต่างประเทศจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ภาษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ท้องถิ่นใดก็ตามที่มีอาณาเขตติดต่อกับต่างประเทศ เช่น ชาวไทยถิ่นใต้ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาษาถิ่นไทยภาคใต้ของกลุ่มชนชาวไทยดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากภาษามลายู ทั้งทางด้านคำ การออกเสียงคำ และการเรียงลำดับของคำเข้าเป็นวลีหรือประโยคอย่างเห็นได้ชัดเจน  

4. การเปลี่ยนแปลงโดยภาวะทางธรรมชาติของภาษา โดยภาวะทางธรรมชาติภาษา จะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ใช้ภาษาได้รับการศึกษาดีขึ้น มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมด้านต่างๆ ก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านภาษาตามมา เช่น มีคำเกิดขึ้นใหม่ มีการใช้สำนวนโวหารที่แปลกใหม่และสลับซับซ้อน คำบางคำ ที่เคยใช้กันมาแต่เดิมกลับเสื่อมความนิยมลงไป คำบางคำเป็นคำที่สังคมเลิกใช้กลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้วตามกาลเวลา

ดังนั้น สาเหตุที่ทำให้ภาษาถิ่นถือกำเนิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น อาจมีปัจจัยและสาเหตุ ที่เกี่ยวข้อง คือ ภาษามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การย้ายที่อยู่ของกลุ่มผู้ใช้ภาษา สภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศ และการเปลี่ยนแปลงโดยสภาวะทางธรรมชาติของภาษา

1.6 ประเด็นเสริม หรือ ประเด็นสนับสนุน

ความสำคัญของการใช้ภาษาถิ่น

ภาษาถิ่น เป็นภาษาที่พูดกันในท้องถิ่นต่างๆ ตามปกติ เป็นภาษาที่คนในถิ่นนั้นๆ ยังคงพูดและใช้อยู่จำนวนมาก คำบางคำในภาษากลางได้เลิกใช้ไปแล้ว แต่ในภาษาถิ่นยังคงรักษาขนบธรรมเนียมไว้เป็นอย่างดี
ในการศึกษาภาษาถิ่นย่อมจะศึกษาท้องถิ่นในด้านที่อยู่อาศัย ความเป็นอยู่ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมได้ เพราะภาษาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ภาษาถิ่นจะรักษาคำเดิมได้ดีกว่าภาษามาตรฐาน เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภาษาและวัฒนธรรมน้อยกว่า นอกจากนี้การศึกษาในท้องถิ่นมีประโยชน์ในการศึกษาด้านวรรณคดีอีกด้วย เพราะวรรณคดีเก่าๆ นั้น ใช้ภาษาโบราณ ซึ่งเป็นภาษาถิ่นจำนวนมาก เช่น วรรณคดีสุโขทัย สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ถ้าเราไม่เข้าใจภาษาถิ่นที่ใช้ ก็จะตีความไม่ออกและยากต่อการศึกษาวรรณคดีนั้นๆ ได้ ฉะนั้นเราจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาภาษาถิ่นทุกถิ่น จึงจะมีความรู้กว้างขวางเช่นในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่1ว่า

“เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้าเข้า” คำว่า “เข้า” แปลว่า ปี สิบเก้าเข้า คือ อายุเต็ม 18 ย่าง 19
“ตนกูพุ่งช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้ขุนสามขนพ่ายหนี” คำว่า แพ้ ในที่นี้ เป็นภาษาถิ่นเหนือ แปลว่าชนะ คำว่า พ่าย จึงแปลว่า แพ้ ถ้าเป็นภาษากลาง คำว่า พ่าย หรือคำว่าแพ้ แปลเหมือนกันคือไม่ชนะ

ข้อความนี้หมายถึงพ่อขุนรามคำแหงทรงไสช้างเข้าชนกับช้างของขุนสามชนตัวที่ ชื่อมาสเมือง และพระองค์ทรงสามารถรบชนะขุนสามขนจนขุนสามชนแพ้แล้วไสช้างหนีไป (ระวีวรรณ อินทร์แหยม, 2542, หน้า 10)
นอกจากนี้ ฉันทัส ทองช่วย (2534, หน้า 13-15) กล่าวว่า ภาษาถิ่น เป็นภาษาของกลุ่มชาติที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาษาไทยถิ่นเป็นภาษาของกลุ่มชาวไทย ซึ่งอาศัยกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศ ภาษาถิ่นของชนกลุ่มใดย่อมเป็นภาษาที่มีความสำคัญต่อชนกลุ่มนั้นมากที่สุด เพราะเป็นภาษาที่ใช้พูดติดต่อสื่อสารร่วมกันมาตั้งแต่เกิด โดยสามารถพิจารณาจากเจ้าของภาษาและผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับภาษาได้ดังนี้

1. ภาษาถิ่นเป็นภาษาประจำถิ่นของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นภาษาที่ต้องใช้ติดต่อสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน เป็นภาษาที่ใช้มาตั้งแต่แรกเกิด ได้เรียนรู้ จดจำ สืบทอดและร่วมรับในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เป็นภาษาที่มีความสำคัญในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ภาษาถิ่นจึงมีความสำคัญต่อกลุ่มชนผู้เป็นเจ้าของภาษานั้นๆ มากที่สุด

2. ภาษาถิ่นเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งที่ควรศึกษา เพราะการศึกษาภาษาถิ่นจะช่วยให้เข้าใจสภาพสังคมและวัฒนธรรมของกลุ่มชนได้ทาง หนึ่ง ภูมิปัญญาของชาวบ้านด้านต่างๆ เช่น เพลงกล่อมเด็ก นิทาน ปริศนาคำทาย ชื่อบุคคล ชื่อพืชและชื่อสัตว์ ชื่อสิ่งของเครื่องใช้ ชื่ออาหารเครื่องดื่ม บทสวดในพิธีกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ภาษาเป็นเครื่องมือสื่อสารถ่ายทอดทั้งสิ้น

3. ภาษาถิ่นเป็นรากฐานทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชน เราอาจกล่าวได้ว่ากลุ่มระดับชาวบ้านที่ใช้ภาษาเดียวกันในชีวิตประจำวันสืบ ต่อกันมาหลายชั่วอายุคนจะต้องมีประวัติความเป็นมาร่วมกัน เช่นชาวไทยถิ่นตากใบกับชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพูดภาษาไทยถิ่นตากใบในชีวิตประจำวันอยู่ในขณะนี้ จะต้องมีประวัติศาสตร์ของกลุ่มชนร่วมกันมาในอดีต ปัจจุบันก็ต้องเกี่ยวข้องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี แสดงว่าเราสามารถใช้ภาษาถิ่นเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชนได้

4. ภาษาถิ่นเป็นบ่อเกิดของวรรณกรรมท้องถิ่น ผลการสำรวจวรรณกรรมท้องถิ่น ที่สืบทอดกันด้วยวาจา หรือเป็นเรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาปากต่อปาก (มุขปาฐะ) และวรรณกรรมที่ได้มีผู้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น วรรณกรรมสมุดข่อย วรรณกรรมใบลานและ ศิลาจารึก พบว่ามีจำนวนมหาศาล วรรณกรรมเหล่านี้มีหลายประเภท เช่น วรรณกรรมเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อ นิทานประโลมโลก ตำนาน เป็นต้น วรรณกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านแต่ละท้อง ถิ่นได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือ เป็นวรรณกรรมที่ใช้ภาษาถิ่นเป็นสื่อในการถ่ายทอด ดังนั้นถ้าไม่มีภาษาถิ่นวรรณกรรมท้องถิ่นเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ดังนั้น ภาษาถิ่นจึงมีความสำคัญคือ เป็นภาษาประจำถิ่นของกลุ่มชนที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และสืบทอดต่อเนื่องมา ยังลูกหลาน โดยผ่านวัฒนธรรมทางภาษาที่เป็นรากฐานทางประวัติศาสตร์และเป็นบ่อเกิดของ วรรณกรรมท้องถิ่น

คุณค่าของภาษาถิ่น

ภาษาถิ่น เป็นภาษาของกลุ่มชนที่บ่งบอกถึงความเป็นมา บ่อเกิดของวัฒนธรรม และอารยธรรมที่สำคัญของชาติ รวมทั้งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารของกลุ่มชน ฉันทัส ทองช่วย (2534, หน้า 15-18) ได้กล่าวถึงคุณค่าของภาษาถิ่นไว้ ดังนี้

1. ใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับกลุ่มชนผู้ใช้ภาษาถิ่นนั้นๆ การใช้ภาษาถิ่นติดต่อสื่อสารกับกลุ่มชนผู้เป็นเจ้าของภาษาจะช่วยให้สามารถ สื่อความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ได้ดี ทั้งจะก่อให้เกิดความเป็นกันเอง เกิดสัมพันธ์ไมตรีต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้การประกอบกิจการต่างๆ ร่วมกันดำเนินไปอย่างสะดวกราบรื่น

2. ความรู้ทางภาษาถิ่นจะช่วยให้เข้าใจความหมายของคำ สำนวน โวหารและเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นบ้านซึ่งใช้ภาษาถิ่นเป็นเครื่องมือ ในการถ่ายทอดได้ดียิ่งขึ้น

3. เป็นประโยชน์ในการศึกษาความหมายของคำในภาษาสมัยเก่า หรือคำในวรรณคดีสมัยเก่าบางคำ

4. ภาษาถิ่นช่วยในการสื่อสาร สั่งสอน และสืบทอดวัฒนธรรมของท้องถิ่นจากชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่งให้ยืนยงคง อยู่ต่อไป เช่น สำนวนภาษา สุภาษิต บทเพลงประกอบการละเล่น วรรณกรรมท้องถิ่น ค่านิยม อุดมคติ ความเชื่อ ตลอดจนทุกสิ่งทุกอย่างที่หลอมรวมอยู่ในวิถีชีวิต สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่มีภาษาช่วยสืบทอดนับวันก็จะสูญหายไปตามกาลเวลา

ภาษาถิ่นในแต่ละภูมิภาคต่างมีคุณค่าทั้งในด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคล ในกลุ่มชน เพื่อให้เข้าใจในความหมายของกันและกัน นอกจากนี้ยังช่วยเป็นเครื่องมือในการ สั่งสอน และสืบทอดวัฒนธรรมของท้องถิ่นจากชนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง

ภาษาถิ่นเป็นคำที่ใช้พูดกันในหมู่ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ทาง ภูมิศาสตร์ต่างๆ กัน โดยยังคงมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญของภาษานั้น เช่น ภาษาไทย มีภาษาถิ่นหลายภาษา ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นอีสาน ภาษาไทยถิ่นใต้ ภาษาไทยถิ่นเหนือ และภาษาไทยกลางหรือถิ่นกลาง ภาษาเหล่านี้มักจะมีความหลากหลายและมีเอกลักษณ์ทางภาษาเป็นของตนเอง

ที่มา http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/dialect/

1.7 คุณค่าผลงานต่อสังคม

                คุณค่าของ “ การหวงแหนภาษาถิ่น ” คือ ทำให้เราทราบถึงความเป็นมาของภาษาถิ่นว่า มีความเป็นมาอย่างไร ทำให้เราเห็นความสำคัญของภาษาถิ่นของไทยเรา ทำให้เราคนไทยเกิดความรัก ความหวงแหนภาษาของเรา เพื่อให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปในอนาคต ทำให้เราเห็นคุณค่าของภาษาถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ก็มีความงดงามของภาษาอยู่ในตัวของมันเอง เราก็ควรอนุรักษ์ภาษาถิ่นในเมืองไทยของเราไว้ จะได้เกิดความรู้สึกที่ภาคภูมิใจ ว่าเราก็ภาษาของเราเอง และยังเป็นภาษาที่สวยงาม งดงาม ให้เราได้ใช้ในการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิด เราจึงควรอนุรักษ์ความเป็นไทยนี้สืบไป

1.8 กำหนดแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง พร้อมแนวคำถามสัมภาษณ์แหล่งข่าวทุกคน

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง

1.หนังสือพิมพ์ที่เป็นของรัฐบาล

2.หนังสือพิมพ์ที่เป็นของเอกชน

3.ประชาชนทั่วไป

 คำถามที่ใช้ในการถามแหล่งข่าว

1.หนังสือพิมพ์ที่เป็นของรัฐบาล

                J หนังสือพิมพ์มีการเสนอข่าวสารการศึกษาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ภาษาถิ่นอย่างไร?

                J คิดว่าภาษาถิ่นมีความสำคัญอย่างไร?

                J คิดว่าภาษาถิ่นไม่ว่าจะเป็นถิ่นเหนือ กลาง อีสาน ใต้ มีความงดงาม และความแตกต่างกันอย่างไร?

                J คิดว่าอนาคตข้างหน้าภาษาถิ่นจะสูญหายหรือไม่? และจะอย่างไร? ให้ภาษาถิ่นอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป

 2.หนังสือพิมพ์ที่เป็นของเอกชน

                J หนังสือพิมพ์มีการเสนอข่าวสารการศึกษาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ภาษาถิ่นอย่างไร?

                J คิดว่าภาษาถิ่นมีความสำคัญอย่างไร

                J คิดว่าภาษาถิ่นไม่ว่าจะเป็นถิ่นเหนือ กลาง อีสาน ใต้ มีความงดงาม และความแตกต่างกันอย่างไร?

                J คิดว่าอนาคตข้างหน้าภาษาถิ่นจะสูญหายหรือไม่? และจะอย่างไร? ให้ภาษาถิ่นอยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป

 3.ประชาชนทั่วไป

                J รู้จักภาษาถิ่นมากน้อยแค่ไหน? อย่างไร?

                J คิดว่าภาษาถิ่นมีความสำคัญอย่างไร?

                J คิดว่าภาษาถิ่นของแต่ละภาษามีความแตกต่างกันอย่างไร?

                J วิธีใดบ้างเพื่ออนุรักษ์ภาษาถิ่นไว้

1.9 อธิบายลักษณะของคำถามที่ใช้

                เป็นการใช้คำถามที่เข้าใจง่าย ลักษณะเป็นแบบกึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ เนื่องจากมีแหล่งข่าวที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแหล่งข่าวว่าควรใช้ลักษณะของคำถามแบบไหน

1.10 ข้อมูลอื่นๆ และเบื้องหลังการผลิตผลงาน

ภาษาถิ่น มรดกที่ต้องหวงแหน

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2555 เวลา 10:25:54 AM

สถานการณ์ภาษาถิ่นในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ผู้คนใช้ภาษาถิ่นกันน้อยลง เหลือแค่การใช้สำเนียง ส่วนคำศัพท์และรูปแบบประโยคกลายเป็นภาษากรุงเทพไปหมดแล้ว ทำให้เกิดสภาพถดถอยเสี่ยงต่อการสูญหาย ทั้งที่ภาษาถิ่นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่น และภูมิปัญญาของบรรพบุรุษล้วนสืบทอดมาด้วยภาษาถิ่น หากภาษาถิ่นสูญหายก็เท่ากับเราสูญเสียภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไปด้วย” รศ.ดร.ชลธิชา บำรุงรักษ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำเนื้อหาวิชาการด้านภาษาไทยถิ่นอีสานของราชบัณฑิตยสถาน หยิบยกเป็นประเด็นขึ้นมากระตุกเตือนลูกหลานไทยทุกคน ผ่านเวทีการเสวนาทางวิชาการ “รู้ รัก ภาษาไทยสัญจร” (ภาคอีสาน) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ณ โรงแรมลายทอง จ.อุบลราชธานี

การเสวนาดังกล่าวเป็นเวทีแรกจากทั้งหมด 3 เวที ที่ราชบัณฑิตยสถาน และสถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกันจัดขึ้น โดยจะตระเวนไปทั้งภาคอีสาน ภาคใต้และภาคเหนือ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะบรรดาปราชญ์ท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคเกี่ยวกับบทบาทของราชบัณฑิตยสถานที่มีต่อการอนุรักษ์สืบทอดภาษาไทยถิ่นต่าง ๆ ในประเทศไทยให้ยังคงมีอยู่ต่อไป

น.ส.กนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน บอกว่า “โครงการรู้รักภาษาไทยสัญจร เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ที่เป็นโครงการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล (Flagship Project) ปี 2555 ทางราชบัณฑิตยสถานจึงได้ผลิตรายการวิทยุภาษาไทยถิ่น 3 ภาคขึ้น เพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุ ม.เกษตร ศาสตร์ และเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใยเรื่องของภาษาถิ่นในประเทศไทย โดยเคยมีพระราชดำรัสว่า ต้องรักษาไว้ให้ดี เพราะเป็นแหล่งที่จะไปศึกษาภาษาไทยแท้ที่ไม่ถูกผสมผสานจากภาษาต่างประเทศ ซึ่งรายการวิทยุภาษาไทยถิ่นจะเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่เยาวชนและประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้ได้ใช้ภาษาถิ่นของตนได้อย่างถูกต้อง ทำให้เกิดความรักและหวงแหนภาษาถิ่นของตน และช่วยกันธำรงรักษาไว้ให้เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นตลอดไป”

เมื่อเปิดเวทีเสวนาครั้งนี้ ประเด็นแรกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ ปัญหาที่ภาษาปากและภาษาเขียนยังมีความลักลั่นกันอยู่ การถ่ายทอดเสียงออกมาเป็นตัวเขียนยังค่อนข้างมีปัญหา เช่น เขียนว่า ง่า แต่กลับออกเสียงจริงว่า หง่า หรือคำว่า จ้าว ในภาษาเหนือก็ไม่รู้ว่าจะใช้วรรณยุกต์ใดกำกับ เพราะทั้งไม้โท และไม้ตรีก็ยังไม่ใช่เสียงที่ถูกต้อง ซึ่งยังมีคำที่เป็นลักษณะแบบนี้อีกมากมายในภาษาถิ่นต่าง ๆ หากผู้เกี่ยวข้องไม่ทำอะไรสักอย่าง ต่อไปเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่คงออกเสียงผิดเพี้ยนไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเสียงที่ถูกต้องคืออะไร ในประเด็นนี้จึงมีผู้เสนอให้มีการทำไฟล์เสียงใส่ไว้ในเว็บไซต์ของราชบัณฑิตยสถานด้วย อย่างน้อยจะได้มีแหล่งอ้างอิงความถูกต้องได้บ้างซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้

ในมุมมองของ ดร.ชลธิชา สุดมุข นักวรรณศิลป์ชำนาญการของราชบัณฑิตยสถาน ยอมรับว่า ความจริงแล้วการที่ตัวเขียนกับการออกเสียงไม่ตรงกันทั้ง 100% เป็นปัญหาของทุกภาษาทั่วโลก ในส่วนของประเทศไทยที่มีภาษาถิ่นมากมาย แม้แต่คนในท้องถิ่นเดียวกันก็ยังออกเสียงต่างกัน จึงมีการกำหนดให้ใช้ภาษาไทยกรุงเทพเป็นตัวกลาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถใช้ภาษาไทยกรุงเทพแทนเสียงภาษาถิ่นได้ครบทุกเสียง เพราะมีระบบเสียงที่แตกต่างกัน ดังนั้นแนวทางหนึ่งก็คือ ผู้ใหญ่จะต้องใช้ภาษาถิ่นกับลูกหลานของตน ช่วยกันสอนให้เด็กรุ่นใหม่ ๆ รู้ว่าการออกเสียงที่ถูกต้องเป็นอย่างไร อย่าอายที่จะพูดภาษาถิ่น แต่ควรรู้สึกภาคภูมิใจมากกว่า

ในประเด็นนี้ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร ราชบัณฑิตประเภทวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ ให้ทรรศนะว่า ภาษาไทยกรุงเทพมี 5 เสียงวรรณยุกต์ แต่ภาษาเหนือมี 6 เสียงวรรณยุกต์ ส่วนภาษาอีสานและภาษาใต้มีถึง 7 เสียงวรรณยุกต์ เมื่อเราพยายามใช้ภาษาที่มีเพียง 5 เสียงวรรณยุกต์ไปเขียนแทนภาษาที่มี 6-7 เสียงวรรณยุกต์จึงทำให้ยุ่ง ดังนั้นจึงต้องหาวิธีทำให้เห็นว่าภาษากลางสามารถเขียนได้มากกว่า 5 เสียงวรรณยุกต์ ซึ่งนักภาษาศาสตร์จะต้องช่วยกันคิดต่อไป เช่น คำว่า ยอง หากออกเสียงขึ้นจมูกก็อาจเขียนด้วย ญ แต่ถ้าออกเสียงไม่ขึ้นจมูกก็ให้ใช้ ย แยกกันให้ชัดเจน เป็นต้น

“การอนุรักษ์ภาษาถิ่นเป็นเรื่องระดับโลก เพราะทุกประเทศตกลงกันแล้วว่าจะช่วยกันอนุรักษ์ ซึ่งประเทศไทยก็ยอมรับข้อตกลงนี้มาแล้วจึงควรทำให้จริงจัง โดยเฉพาะบทบาทของผู้นำจะต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน” ราชบัณฑิตวัย 94 ปี ฝากข้อเสนอเอาไว้ เวทีนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอที่น่าสนใจอีกมากมายที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะราชบัณฑิตยสถานคงต้องนำไปขบคิด อาทิ

“ภาษาถิ่นคือความงดงาม แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ภาษาถิ่นกำลังถูกกลืนทางวัฒนธรรม จึงควรรื้อฟื้นการสอนหลักภาษาถิ่น ทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน”

“เมื่อก่อนเด็กบางคนพูดภาษาถิ่นในบ้าน พอออกนอกบ้านจะพูดภาษากลาง แต่ทุกวันนี้จะพูดแต่ภาษากลางทั้งในบ้านและนอกบ้าน และยังละเลยคำศัพท์ภาษาถิ่นไปหมด มีแต่สำเนียงที่บ่งบอกว่ามาจากภูมิภาคไหน แต่คำศัพท์และรูปแบบประโยคกลายเป็นภาษากลางไปหมดแล้ว”

“ปราชญ์ท้องถิ่นควรรวมตัวกันตั้งเป็นชมรมเพื่อให้การขับเคลื่อนการรณรงค์ใช้ภาษาถิ่นมีความชัดเจนและเข้มแข็ง”

“โรงเรียนจะใช้ภาษากลางเป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอนก็ใช้ไป แต่อย่าขัดขวางการใช้ภาษาถิ่นในโรงเรียนของเด็ก”

“ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ใช้ภาษาถิ่นกับลูกหลานก็คงยากที่จะอนุรักษ์ภาษาถิ่นให้คงอยู่ต่อไป ดังนั้นพ่อแม่ต้องใช้ภาษาถิ่นกับลูกหลาน ไม่ต้องกลัวเด็กจะพูดหรือฟังภาษากลางไม่ได้ เพราะภาษาไม่เคยทะเลาะกันในสมองของลูกหลานเรา”

“ประชาคมอาเซียนจะมาแล้ว ทั้ง 10 ชาติอาเซียนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน จึงต้องทำให้ภาษาไทยเข้มแข็ง เพราะภาษาจะเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกอัตลักษณ์ของคนได้อย่างชัดเจนที่สุด”

“ภาษาต้องเอามาใช้ จะทำให้ใหม่อยู่เสมอ ถ้าแค่เก็บไว้จะรกรุงรัง จึงต้องช่วยกันใช้ภาษาถิ่นให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่เด็กบางคนอายที่จะใช้ภาษาถิ่น เพราะถูกภาษากลางบีบบังคับ จึงต้องเปลี่ยนความคิดแบบนี้ให้เป็นความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตน”

“สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ภาษาถิ่น” เป็นต้น ดร.บัณฑิต ตั้งประเสริฐ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน ฝากข้อคิดไว้ว่า “การอนุรักษ์ภาษาถิ่นต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ไฟไหม้ฟาง ซึ่งคนในท้องถิ่นย่อมรู้ดีที่สุด ถ้าไม่รักภาษาถิ่นของเราเอง แล้วจะให้ใครมารัก ความสำเร็จจะเกิดไม่ได้ ถ้าไม่มีความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย”

ก็ต้องถือว่าเวทีเสวนาครั้งนี้เป็นการปลุกแรง ๆ ให้คนไทยตื่นตัวหันมาเห็นความสำคัญของภาษาถิ่นกันมากขึ้น ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถรับฟังเวทีเสวนา “รู้ รัก ภาษาไทยสัญจร” ครั้งต่อไปที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 17 ส.ค.และที่เชียงใหม่ ในวันที่ 24 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น. ผ่านทางสถานีวิทยุ มก. บางเขน 1107, เชียงใหม่ 612, ขอนแก่น 1314  และสงขลา 1269 หรือรับฟังทางอินเทอร์เน็ตที่ http://radio.ku.ac.th และยังสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้ทางเว็บไซต์ของราชบัณฑิตยสถาน http://www.royin.go.th

พลพิบูล เพ็งแจ่ม

ที่มา เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม 2555 เวลา 10:25:54 AM

 

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น

10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในประเทศไทย

อันดับที่? 10 เกาะตะปู

เกาะตะปู

เกาะตะปู

 

 

เกาะตะปู ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลด้านนอก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คิดเป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานฯตามลำคลองเกาะปันหยีจังหวัดพังงา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย อยู่ทางด้านเหนือในเวิ้งอ่าวของเกาะเขาพิงกัน เกาะตะปู มีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยว รูปร่างคล้ายตะปู มีศัพท์เฉพาะทางธรณีวิทยาว่า เกาะหินโด่ง (Stack) การชมเกาะตะปูต้องชมในระยะไกลจากเรือ หรือจากสันดอนของเกาะเขาพิงกัน ไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้

อันดับที่ 9? เกาะเต่า

เกาะเต่า

เกาะเต่า มีพื้นที่อยู่ในฝั่งของทะเลอ่าวไทย และอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะของ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย เกาะเต่า จะมีลักษณะที่โค้งเว้า เหมือนกับเมล็ดถั่ว ซึ่งเกาะเต่า จะตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ เกาะพงัน จ.สุราษฏร์ธานี ระยะทางจากเกาะพงันถึงเกาะเต่า ประมาณสี่สิบห้ากิโลเมตร นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย? ในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะเต่ายังมีเกาะนางยวนซึ่ง เป็นเกาะเล็กๆ ด้านตะวันตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า มีสันทรายเชื่อมต่อกับเกาะเต่าในลักษณะเหมือนทะเลแหวก เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังอีกแห่งหนึ่ง

อันดับที่ 8? อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย

ในวันที 13 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2521 คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้ประกาศให้ดอยอินทนนท์เป็นอุทยานแห่งชาติ

อันดับ 7 หัวหิน

หัวหิน huahin

หัวหิน เป็นอำเภอที่ทุกคน รู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ? สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย เดิมมีชื่อว่า “บ้านสมอเรียง” หรือ “บ้านแหลมหิน” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้ทรงสร้างวังไกลกังวลเพื่อประทับพักผ่อนในฤดูร้อน และปัจจุบันวังไกลกังวลนั้นเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน

อันดับ 6 พัทยา

พัทยา kohlan

พัทยา หรือ เมืองพัทยา เป็นเขตปกครองพิเศษเขตหนึ่งที่ตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ เมืองพัทยา ฉบับ วันที่ 29 พฤจิกายน พ.ศ. 2521 (เทียบเท่าเทศบาลนคร) ในเขตจังหวัดชลบุรี จัดเป็น สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย? เมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกโดยเฉพาะหาดทรายที่ ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล จัดได้ว่า
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย มีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 140 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย ซึ่งพัทยาแบ่งเป็น 4 ส่วนได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน

อันดับที่ 5 เกาะ ช้าง

เกาะช้าง

เกาะ ช้าง เป็น?สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย? ที่เกาะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต เกาะช้างมีโรงแรมและรีสอร์ตมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำ และด้วยภูมิประเทศที่มีป่าเขาอยู่กลางเกาะ นักท่องเที่ยวจึงสามารถท่องเที่ยวแบบเดินป่า ขี่ช้างก็ได้เช่นกัน

อันดับ 4 เกาะสมุย

เกาะสมุย

 

เกาะสมุย เดิมเกาะสมุยมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งปลูกมะพร้าว ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่ชาวต่างประเทศนิยมเดินทางมาท่อง เที่ยว มีร้านค้า โรงแรม และสถานบันเทิงต่าง ๆ มากมาย หาดที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนเกาะสมุย คือ หาดเฉวง บริเวณชายหาดยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ถ้าได้ลงมือเดินตั้งแต่ต้นหาดจนกระทั่งถึงปลายหาดจะใช้เวลาประมาณถึง 2 ชั่วโมง เพราะการเดินบนผืนทรายไม่เหมือนการเดินบนพื้นดินปรกติ

หาดที่มีความสวยงามเป็นอันดับรองลงมา คือ หาดละไม หาดเชิงมนต์ แหลมโจรคร่ำ หาดท้องยาง หาดหน้าทอน หาดพังกา และหาดตลิ่งงาม นอกจากธรรมชาติที่สวยงามของอำเภอเกาะสมุยแล้ว ยังมีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก คือ “สปา” หรือการดูแลรักษาสุขภาพโดยการใช้น้ำบำบัด เช่น การอาบ-การแช่น้ำแร่หรือน้ำร้อน

อันดับ 3 หมู่เกาะพีพี

หมู่เกาะพีพี

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้? สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย? เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย 40 ล้านปี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่

อันดับที่ 2 หมู่เกาะสิมิลัน

เกาะสิมิลัน

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา ปลาไหลมอเร่(moray) ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ

อันดับ 1 หาดป่าตอง

หาดป่าตอง อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 15 กิโลเมตร นับว่าเป็น สถาน ที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย หาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต เป็นชายหาด สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยว ด้วยชายหาดที่มีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ป่าตองจึงเป็น สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่มีผู้นิยมมาเยือนมากที่สุด

หาด ป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547ปัจจุบัน หาดป่าตองเป็นหนึ่งในชายหาดสำคัญที่ได้รับการติดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิ มีการซักซ้อมการอพยพและการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอยู่อย่างสม่ำเสมอ เป็นระยะๆ

 

ที่มาhttp://www.tlcthai.com/travel/5735

โพสท์ใน Uncategorized | ใส่ความเห็น